คุณไม่ได้รู้สึกอยู่คนเดียวหากคุณเคยมีความคิดที่อยากจะแอบดูบันทึกการทำฟันของคุณทันทีที่ทันตแพทย์ออกไปจากห้อง แต่ไม่มีเหตุผลใดเลยที่คุณจะต้องรู้สึกผิดหรือกลัวจะถูกจับได้ ข้อมูลดังกล่าวเป็นของคุณ และภายใต้กฎว่าด้วยความเป็นส่วนบุคคลของ HIPAA คุณไม่เพียงสามารถขอดูประวัติการทำฟันของคุณเท่านั้น แต่เป็นประวัติการรักษาของคุณทั้งหมด
จะขอประวัติการทำฟันได้อย่างไร
ต้องขอบคุณ HIPAA ที่คุณเท่านั้นที่จะมีสิทธิในบันทึกการรักษาของคุณ และทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการขอเท่านั้นเอง คุณสามารถไปพบทันตแพทย์เพื่อขอต่อเจ้าตัวเอง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายรายแนะนำให้เขียน เพื่อที่ทั้งคุณและผู้ให้บริการทางสุขภาพจะได้มีไว้เป็นบันทึก เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ว่า ในฐานะผู้ป่วย คุณมีสิทธิในสำเนาบันทึกการรักษาของคุณ แต่ไม่ใช่ฉบับจริง บันทึกการรักษาฉบับจริงเป็นของผู้ให้บริการทางสุขภาพ ซึ่งจะไม่สามารถปฏิเสธการให้สำเนาการรักษาของคุณได้แม้คุณยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาสำหรับการบริการที่คุณได้รับ อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจคิดค่าบริการสำหรับการจัดเตรียมและส่งเอกสารทางอีเมล
สำเนาเป็นรูปเล่มหรือบันทึกแบบอิเล็กทรอนิกส์
บันทึกนั้นมีอยู่สองรูปแบบ คือเป็นสำเนาแบบรูปเล่ม และ EMR (electronic medical records) ซึ่งทาง HIPAA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา EMRs อยู่ การบันทึกแบบอิเล็กทรอนิกส์ยังทำให้การแชร์ข้อมูลเป็นไปอย่างปลอดภัยและราบรื่นกว่าอีกด้วย
ไม่มีสิ่งใดที่ดีไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสำเนาแบบรูปเล่มหรือบันทึกแบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นสิ่งใดที่คุณชอบมากกว่า เตือนตนเองไว้ด้วยว่าบันทึกทางการแพทย์อาจมีความยาวหลายร้อยหน้า ดังนั้นจึงควรกำหนดไว้ด้วยว่าคุณต้องการข้อมูลอะไร
คุณจะทำอะไรกับข้อมูลการทำฟันของคุณได้บ้าง
เมื่อคุณมีข้อมูลการทำฟันของคุณแล้ว คุณจะทำอะไรกับมันได้บ้าง ? ทาง HIPAA กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าคุณจะนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งต่อไปนี้เป็นสิทธิบางอย่างที่คุณทำได้
- การขอสำเนาของข้อมูลการทำฟันจากบันทึกของตนเอง
- การขอให้แก้ไขบันทึกการทำฟันของตนเอง
- การถามว่าข้อมูลของคุณถูกใช้และแชร์อย่างไรบ้าง
- การตัดสินใจว่าข้อมูลทางสุขภาพของคุณจะถูกส่งต่อให้บริษัททางการค้าหรือไม่
- ขอรายงานสำหรับคำอธิบายวัตถุประสงค์จำเพาะ หากข้อมูลของคุณถูกส่งต่อ
HIPAA คืออะไร?
HIPAA คือ พระราชบัญญัติการเคลื่อนย้ายประกันสุขภาพและการคุ้มครอง (Health Insurance Portability and Accountability Act ) ตัวกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้ในปี 1996 ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำให้ระบบการดูแลสุขภาพซับซ้อนน้อยลง และทำให้ผู้ป่วยมั่นใจในความปลอดภัย โดยเฉพาะความเป็นส่วนตัวของข้อมูลทางการแพทย์
ผู้ให้บริการทางสุขภาพบางรายเพิ่มขั้นตอนบางอย่างสำหรับการควบคุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วย เช่น การใช้ระบบคีย์การ์ดแบบอิเล็กทรอนิกส์ คุณสามารถสอบถามผู้ให้บริการทางสุขภาพของคุณได้ว่าพวกเขาได้ทำอะไรไปบ้าง และวางแผนเพื่อทำตาม HIPAA
ผู้ให้บริการทางสุขภาพทุกคน องค์กรทางสุขภาพ และโครงการทางสุขภาพของรัฐบาลที่ใช้ เก็บรักษา หรือเคลื่อนย้ายข้อมูลทางสุขภาพของผู้ป่วยต้องทำตามระเบียบของ HIPAA แต่องค์กรทางสุขภาพขนาดเล็กที่ก่อตั้งขึ้นเองนั้นไม่อยู่ในความครอบคลุมของกฎหมายนี้