สำหรับผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางคณิตศาสตร์ (dyscalculia) เป็นเรื่องทั่วไปที่เพื่อนและครอบครัวจะคิดว่าภาวะนี้เป็นอุปสรรคที่ไม่น่าจะเอาชนะได้ยาก ผู้ที่ไม่เข้าใจโรคนี้จะแนะนำง่าย ๆ ให้หลีกเลี่ยงวิชาที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ในชั้นเรียนระดับสูงที่วิชาดังกล่าวไม่ใช่วิชาบังคับอีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คนส่วนมากไม่เข้าใจคือภาวะดังกล่าวไม่ใช่แค่ปัญหาที่ผู้มีภาวะนี้จะไม่สามารถเข้าใจตรีโกณมิติภาวะนี้หมายความถึงความยากลำบากแม้แต่กับตัวเลขพื้นฐาน ตัวเลขที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน หากลูกของคุณกำลังจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก นั่นหมายความว่าเธอต้องมีความรับผิดชอบต่อหลายสิ่งอย่างแรกคือสิ่งที่คุณเคยช่วยเหลือเธอ อย่างที่สองคือการรับมือกับตัวเลขทั้งหลาย ลองคิดดู ทั้งการจ่ายเงินการจำวันกำหนดส่งงาน และการจัดการกับงบประมาณซื้อของ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยลูกของคุณเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทาย ซึ่งจะเป็นรางวัลสำหรับก้าวย่างใหม่ในชีวิต
- ใช้เครื่องมือออนไลน์เพื่อจัดการกับเรื่องเงินและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวลา ผู้ที่มีปัญหาบกพร่องทางคณิตศาสตร์ในทุกวันนี้มีโอกาสที่ดีในการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อประโยชน์ของตน เครื่องมือช่วยจัดการเวลาและเงินนั้นมีอยู่บนอินเตอร์เน็ต และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่ต้องดิ้นรนในการทำความเข้าใจแม้แต่กับกฎที่ง่ายที่สุดของการตั้งงบประมาณและการบริหารเวลา
-
ช่วยลูกของคุณสร้างตารางเวลาที่ทำตามได้ง่ายเช่นเดียวกับที่คุณก็รู้ดีอยู่แล้วภาวะดังกล่าวมักทำให้มีปัญหาในการทำงานให้เสร็จอย่างเป็นระบบ เมื่อลูกของคุณเข้ามหาวิทยาลัยเธอจะอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลยทีซึ่งนั่นหมายความว่าเธอเดียว จะมีเวลาว่างมากมายที่ต้องจัดการด้วยตัวของเธอเอง ลองพยายามช่วยลูกของคุณสร้างตารางเวลาที่ยืดหยุ่นได้ และลองให้เธอทำตามด้วยตัวเองดู
-
ให้ลูกลองฝึกทำงานบางอย่างที่เธอต้องทำคนเดียวขณะที่เธอยังอยู่ที่บ้าน เช่นเดียวกับการสร้างตารางเวลายังมีภาระงานอีกมากมายที่ลูกจะต้องทำด้วยตัวคนเดียวเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยให้ลูกของคุณไปซื้อของเพื่อที่จะได้คุ้นเคยการรับมือกับราคาอาหาร ทำอย่างเดียวกับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องยากสำหรับลูก ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลข เช่นการซักผ้าและการทำอาหาร
-
หากเป็นไปได้ไปดูที่มหาวิทยาลัยก่อนเพื่อช่วยให้ลูกของคุณคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม
อีกปัญหาหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลขที่ผู้บกพร่องทางคณิตศาสตร์มักต้องใช้ความพยายามคือการทำความเข้าใจพื้นที่และทิศทางหากเวลาและการเงินเอื้ออำนวยควรไปดูมหาวิทยาลัยที่ลูกจะอยู่ในอนาคตในวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนจะขึ้นเทอมใหม่หาทิศทางไปยังสถานที่ที่ลูกน่าจะต้องไปบ่อยๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงศูนย์ นักศึกษา ห้องสมุดร้านขายของในพื้นที่ และอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่นี้ ฝึกให้ชินกับทางไปสถานที่เหล่านี้ตั้งแต่ตอนมาลงทะเบียนเรียนเพื่อที่ลูกของคุณจะได้ไม่หลงทางและสับสน แน่นอนว่าถึงแม้คุณจะเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการที่ลูกต้องจากอ้อมอกมาเรียนมหาวิทยาลัยไว้แค่ไหนก็ตาม จะมีอุปสรรคที่คุณอาจทำนายล่วงหน้าไม่ได้แน่นอน แม้แต่เด็กที่ไม่ได้มีปัญหาบกพร่องด้านการเรียนรู้ยังพบว่าการเปลี่ยนสภาพไปเป็นสภาวะกึ่งอิสระยังเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องสำคัญที่ว่าสิ่งที่จะช่วยให้ลูกของคุณเรียนรู้ได้ดีที่สุดคือการทดลองทำและประสบการณ์จริงการให้การสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะช่วยให้ประสบการณ์ของลูกกลายเป็นบทเรียนที่จะช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตต่อไปได้
โชคดีนะ!