คนส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงหนอนแมลงวัน ภาพแรกในหัวก็คงจะเป็นภาพของตัวหนอนขยุกขยิกอยู่ในอาหารเน่าที่น่าขยะแขยง แต่การรักษาแผลด้วยหนอนแมลงวันกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะวิธีที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการกำจัดเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว และเร่งการเจริญของเนื้อเยื่อใหม่ให้เปลี่ยนเป็นแผลเป็นแทน
ทำความรู้จักหนอนแมลงวัน
หนอนแมลงวัน (Maggot) เป็นตัวอ่อนของแมลงวันที่อยู่ในระยะที่ 2 ของวงจรชีวิตแมลงวันซึ่งมีทั้งหมด 4 ระยะ โดยหนอนแมลงวันจะมีระยะเวลาการมีชีวิตอยู่ข้างนอกก่อนเข้าดักแด้ประมาณ 6-7 วัน และอาหารของโปรดสำหรับหนอนแมลงวันก็คือ ของเน่าเหม็น ซึ่งเป็นแหล่งที่เรามักจะพบเจอหนอนแมลงวันนั่นเอง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การกำจัดเนื้อตายจากแผลด้วยหนอนแมลงวัน
การกำจัดเนื้อตายจากแผล คือกระบวนการที่แพทย์ หรือผู้ให้บริการทางการแพทย์เอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออกจากแผล ทำให้ก้นแผลสะอาดขึ้น โดยกระบวนการดังกล่าวทำได้ 4 วิธี
- การผ่าตัด เนื้อเยื่อที่ตายแล้วจะถูกศัลยแพทย์นำออกไปในห้องผ่าตัด
- การใช้สารเคมี ใช้สารเคมีในการละลายเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว
- การนำออกด้วยมือ เป็นการใช้ผ้าก๊อซแห้งขัดเอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออก
- การใช้หนอนแมลงวัน เป็นการใช้ตัวอ่อนแมลงวันมากินเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว
การกำจัดเนื้อตายด้วยหนอนแมลงวันเป็นทางเลือกในการรักษาที่น่าสนใจ เนื่องจากหนอนแมลงวันที่ใช้ในการรักษาจะกินแต่เนื้อเยื่อที่ตายแล้ว และเหลือเนื้อดีเอาไว้ ต่างจากวิธีกำจัดเนื้อตายอื่นๆ ที่จะมีการทำลายเนื้อดีไปบางส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเนื้อเยื่อดีเป็นสิ่งจำเป็นในการหายของแผล ยิ่งไปกว่านั้น วิธีกำจัดเนื้อเยื่อตายอื่นๆ อาจต้องมีการผ่าตัดซึ่งจำเป็นจะต้องดมยาสลบ ทำให้มีความเสี่ยงอย่างอื่นตามมาด้วย
หนอนแมลงวันที่ใช้สำหรับกำจัดเนื้อตายจะต้องกินเพียงแค่เนื้อตายเท่านั้น (แต่บางสายพันธุ์จะกินทั้งเนื้อตายและเนื้อดี ซึ่งไม่เหมาะสมในการใช้ทางการแพทย์) และเป็นหนอนแมลงวันที่เลี้ยงด้วยวิธีปลอดเชื้อเท่านั้น ตัวอย่างเช่น แมลงวันหัวเขียว (green bottle blowfly) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ใช้ในทางการแพทย์กันโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ห้ามนำหนอนแมลงวันมาใช้ทำการรักษากันเอง การใช้หนอนแมลงวันในการรักษาควรทำโดยแพทย์เท่านั้น
นอกเหนือไปจากการกำจัดเนื้อตายแล้ว สารคัดหลั่งจากหนอนแมลงวันยังอาจช่วยบรรเทาการอักเสบและการทำลายเนื้อดีออกไป รวมถึงยังป้องกันก้นแผลที่บอบบางได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับกระบวนการหายของแผลอีกด้วย
ประวัติของการใช้หนอนแมลงวันในการรักษาทางการแพทย์
การรักษาด้วยหนอนแมลงวันไม่ใช่การรักษาแบบใหม่ แต่เป็นการรักษาที่ใช้มาหลายศตวรรษแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เป็นที่แพร่หลายและรู้จักในวงกว้างเท่านั้น โดยในอดีต แพทย์ในสนามรบได้สังเกตว่า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและมีหนอนแมลงวันในแผลจะหายได้ดีกว่า
ในช่วงปี 1920 วิลเลียม แบร์ (William Baer) ศัลยแพทย์ชาวอเมริกันจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ใช้หนอนแมลงวันที่เลี้ยงขึ้นมาในห้องปฏิบัติการรักษาเด็กที่มีภาวะกระดูกติดเชื้อ (Osteomyelitis) และการติดเชื้อของเนื้อเยื่ออ่อน หลังจากนั้น การรักษาด้วยวิธีนี้ก็กลายเป็นที่นิยมในช่วงปี 1930 แต่อย่างไรก็ตาม เพราะการเกิดขึ้นของยาปฏิชีวนะ และความก้าวหน้าของการผ่าตัดจึงทำให้การรักษาด้วยหนอนแมลงวันลดลงไป จนต่อมาก็กลายเป็นเพียงทางเลือกการรักษาทางสุดท้ายเท่านั้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
จนกระทั่งในช่วงปี 1990 ความสนใจในการรักษาด้วยหนอนแมลงวันก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และทำให้การรักษาแผลด้วยวิธีนี้เป็นการรักษาในอันดับต้นๆ ของการดูแลแผล และในปี 2004 ทางองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration: FDA) ก็ได้ยอมรับการรักษาโดยใช้หนอนแมลงวันที่ปราศจากเชื้อ ในการให้บริการทางสาธารณสุข
ในปี 2008 มีผู้คนราว 50,000 คนจากทั่วโลกที่ได้รับการรักษาแผลด้วยหนอนแมลงวัน
ทั้งนี้ การศึกษาทางการแพทย์ในสหราชอาณาจักรพบว่าการใช้หนอนแมลงวันกับการใช้ไฮโดรเจล (hydrogel) มีประสิทธิภาพในการรักษาแผลเรื้อรังไม่ต่างกัน และหนอนแมลงวันสามารถลดจำนวนวันในการทำแผลได้ แต่ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยหนอนแมลงวันจะมีอาการปวดแผลมากกว่า
เจาะลึกเกี่ยวกับการรักษาแผลด้วยหนอนแมลงวัน
การกำจัดเนื้อตายด้วยหนอนแมลงวันสามารถใช้รักษาแผลหลายประเภทได้ รวมถึง
- แผลเรื้อรัง
- กระดูกติดเชื้อเรื้อรัง
- แผลจากโรคของหลอดเลือดดำ (Venous ulcer)
- แผลกดทับ (พบในคนที่ต้องนอนนิ่งๆ อยู่หลายวันหรือหลายสัปดาห์ หรือคนที่อยู่ในสถานที่พักฟื้นระยะยาว)
- แผลเบาหวานที่เท้า
- แผลผ่าตัด หรือแผลจากการบาดเจ็บที่ไม่หาย
ข้อห้ามสำหรับการกำจัดเนื้อตายด้วยหนอนแมลงวัน
ถึงแม้การรักษาแผลด้วยหนอนแมลงวันจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความนิยมมากขึ้น แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็มีข้อจำกัดสำหรับแผลบางประเภท เช่น
- แผลจากการขาดเลือด (แผลดังกล่าวมีขอบแผลที่มีเลือด หรือมีออกซิเจนไปเลี้ยงน้อย ซึ่งหนอนอาจกินและทำให้แผลใหญ่ขึ้นได้)
- แผลที่เปิดเข้าสู่ช่องหรืออวัยวะภายใน
- แผลที่เกิดจากการติดเชื้อรุนแรง
- ผู้ที่แพ้ยีสต์ โปรตีนถั่วเหลือง หรือตัวหนอนเอง (เพราะยีสต์และโปรตีนถั่วเหลืองถูกใช้ในการเลี้ยงหนอน)
ที่สำคัญคือ ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulation therapy) ควรระมัดระวังในการเลือกใช้การรักษาด้วยหนอนแมลงวัน เนื่องจากหนอนสามารถทำให้เลือดออกได้
วิธีการกำจัดเนื้อตายด้วยหนอนแมลงวัน
หนอนที่เลี้ยงเพื่อใช้ในทางการแพทย์ระหว่าง 50-1,000 ตัว หรือตามปริมาณที่แนะนำจากบริษัท จะถูกนำมาใส่ในแผล ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของแผลด้วย และจะถูกพันผ้าไว้ในแผลเป็นเวลา 2-3 วัน คนส่วนใหญ่ต้องใช้การรักษานี้ 2-3 ครั้ง แต่ในผู้ที่มีแผลรุนแรงกว่าอาจต้องรักษาถึง 5-6 ครั้ง การรักษาจะสิ้นสุดลงเมื่อเห็นก้นแผลที่สะอาดแล้ว
ส่วนผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการรักษาด้วยหนอนแมลงวันนั้นมักเป็นอาการในระดับที่ทนได้ รวมถึงอาการเจ็บ ไม่สบาย และเลือดออกเล็กน้อย ซึ่งจะมีการให้ยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
หากคุณ หรือคนใกล้ชิดทรมานจากแผลเรื้อรังหรือแผลอื่นๆ ที่สามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ก็ควรลองพิจารณาทางเลือกนี้ดู ไม่มีใครปฏิเสธว่าหนอนแมลงวันที่เจอในถังขยะนั้นน่ารังเกียจ แต่หนอนแมลงวันที่เลี้ยงในห้องปฏิบัติการนั้นเป็นเหมือนเครื่องมือผ่าตัดเล็กๆ ที่เคลื่อนที่ได้ มีความยืดหยุ่น แม่นยำ และช่วยเร่งการฟื้นตัวแผลอีกด้วย