ภาพรวม
วัคซีนไอกรนใช้ในหญิงตั้งครรภ์เพื่อช่วยปกป้องทารกต่อโรคไอกรน (pertussis)
ทั้งนี้ก็เพราะมีเชื้อไอกรนแพร่กระจายอยู่โดยรอบและเด็กที่ยังเล็กเกินไปที่จะเริ่มต้นแผนการสร้างภูมิคุ้มกันก็มีโอกาสเสี่ยงสูงมาก
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
คุณสามารถช่วยปกป้องลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จากโรคไอกรนได้ตั้งแต่เขาอายุ 1สัปดาห์ ด้วยการฉีดวัคซีนไอกรนขณะที่คุณตั้งครรภ์-แม้ว่าตัวคุณเองจะเคยได้รับการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มมาก่อนหรือเคยฉีดวัคซีนไอกรนมาก่อนก็ตาม
กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มนี้แนะนำให้ทำได้ทันทีที่ตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนัดหมายการเข้ารับวัคซีนเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไอกรนคืออะไร?
ไอกรนเป็นโรคที่ก่อให้เกิดการไอและการสำลักซ้อนๆ ติดกัน ทำให้หายใจลำบาก อาการไอกรนเกิดได้นานถึง 10 สัปดาห์
โรคนี้แพร่กระจายได้ง่ายโดยการหายใจเอาละอองเล็ก ๆ ที่ถูกปล่อยออกสู่อากาศโดยอาการไอและจามของผู้อื่น
เด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปีจะมีความเสี่ยงสูงจากโรคไอกรน สำหรับเด็กในวัยนี้ โรคนี้รุนแรงมากและอาจส่งผลต่อชีวิตได้ แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงในเด็กที่โตกว่า
เชื้อโรคไอกรนสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิด
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
เสียง ‘วู้ป(whoop)’ เป็นเสียงที่เกิดจากการหายใจเข้าเอาอากาศหลังจากที่ไอแต่ละครั้ง ไม่ใช่ทุกรายที่จะมีเสียง ‘วู้ป(whoop)’ จึงทำให้รับรู้ยากว่าเป็นโรคนี้
เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอกรน สำหรับเด็กในวัยนี้ โรคนี้มีความรุนแรงและสามารถนำไปสู่การเป็นโรคปอดบวมและสร้างความเสียหายต่อสมองอย่างถาวรได้ มีเด็กหลายรายในสหราชอาณาจักรเสียชีวิตจากการระบาดจากโรคนี้
สถานการณ์การระบาดในไทย
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไอกรนในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 เม.ย. 2561 พบว่า มีรายงานโรคไอกรน 19 เหตุการณ์ พบผู้ป่วย 27 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุน้อยกว่า 1 ปี (ร้อยละ 59.26) รองลงมาคือกลุ่มอายุ 1-3 เดือน (ร้อยละ 40.74) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2556-2560) มีรายงานผู้ป่วย 16-77 ราย เสียชีวิตปีละ 0-3 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 และสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงาน 4 เหตุการณ์ จากจังหวัดสงขลา ภูเก็ต นครพนม และนครศรีธรรมราช สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไอกรนเพิ่มสูงขึ้น
ใครที่ควรได้รับวัคซีน
หญิงตั้งครรภ์ทุกรายที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 16 สัปดาห์เป็นต้นไปควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการฉีดวัคซีนอยู่ระหว่างช่วงสัปดาห์ที่ 16 ถึง 32 แต่ยิ่งคุณได้รับวัคซีนเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
นั่นหมายความว่า คุณมีเวลาเพิ่มมากขึ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีและนี่เองจะถูกส่งผ่านไปสู่ลูกในท้อง
คุณอาจได้รับวัคซีนหลังจากอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ก็ได้ แต่เด็กก็จะได้รับการปกป้องที่ไม่เท่าเดิม
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์
คุณจะได้รับการตรวจเลือดเพื่อตรวจการติดเชื้อที่สามารถส่งผลต่อตัวคุณและลูก เช่น:
- ไวรัสตับอักเสบบี
- ซิฟิลิส
- เฮชไอวี
วัคซีน
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไอกรนโดยเฉพาะ แต่คุณจะได้รับวัคซีนที่ประกอบไปด้วยการป้องกันถึง 4 โรคไปด้วยกัน ดังนี้:
วัคซีนนี้มีดีอย่างไร?
วัคซีนนี้ส่งผลดีเยี่ยมในการปกป้องทารกในครรภ์จากโรคไอกรนจนกระทั่งเด็กโตเพียงพอที่จะฉีดวัคซีนเอง
ภูมิคุ้มกันที่คุณได้รับจากวัคซีนจะส่งไปสู่ลูกผ่านทางสายรก การได้รับกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันระหว่างตั้งครรภ์จะช่วยป้องกันลูกน้อยตั้งแต่อายุได้ 2-3 สัปดาห์แรกที่ยังอ่อนแอ จนกระทั่งลูกโตพอที่จะได้รับวัคซีนตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเมื่ออายุ 8 สัปดาห์
เด็กจะได้รับกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรนเมื่อมีอายุ 2, 3 และ 4 เดือน ตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และจากนั้นจะได้รับกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันครั้งที่ 4 จากวัคซีน 4-อิน-1(4- in-1 vaccine) เมื่อมีอายุได้ 3 ปี 4 เดือน
หากลูกได้รับวัคซีนนี้แล้วจะไม่เป็นโรคไอกรนแน่นอนใช่หรือไม่?
ไม่มีวัคซีนใดที่ได้รับการยืนยันการปกป้อง 100% แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องทารกจากโรคไอกรนในช่วงสัปดาห์แรกของชีวิต
จากหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเกิดผลดีเยี่ยมในหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีน ในประเทศสกอตแลนด์ สามารถลดจำนวนของเด็กที่ติดโรคไอกรนได้ อย่าลืมว่าภูมิคุ้มกันที่ลูกได้รับจากคุณนั้นสามารถหมดไปได้ ดังนั้นต้องแน่ใจว่าคุณจะพาลูกเข้ารับวัคซีนไอกรนตัวแรกตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อลูกอายุได้ 8 สัปดาห์
การกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่แม่ได้รับจะปกป้องลูกได้นานถึงเมื่อไหร่?
ภูมิคุ้มกันที่ทารกแรกเกิดได้รับจากวัคซีนคุณนั้นจะช่วยปกป้องเขาในช่วงสัปดาห์แรกๆ ลูกยังคงต้องการการสร้างภูมิคุ้มกันของโรคไอกรนเพิ่มอีก 4 วัคซีนแบบครบสูตรเพื่อที่จะปกป้องเมื่อเขาโตขึ้น
การมีลูกแฝด
วัคซีน 1 วัคซีนสามารถปกป้องลูกได้ทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีลูกกี่คนก็ตาม
กรณีหากตั้งครรภ์อีกครั้งหลังจากที่เพิ่งคลอดลูก
คุณจะต้องได้รับการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อคุณมีอายุครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ จัดตารางพบแพทย์เพื่อให้ได้รับวัคซีนทุกครั้งที่คุณตั้งครรภ์
กรณีมีทารกแรกเกิดแต่ยังไม่ได้รับวัคซีนตอนที่ตั้งครรภ์ จะสามารถเข้ารับการให้วัคซีนตอนนี้เลยได้หรือไม่?
หญิงที่ไม่ได้รับวัคซีนระหว่างที่ตั้งครรภ์อาจต้องรับการฉีดวัคซีนในกรณีที่ไม่เคยได้รับการให้วัคซีนต้านโรคไอกรนมาก่อน จนกระทั่งลูกคุณได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรก
การให้นมแม่ช่วยปกป้องลูกจากไอกรนได้หรือไม่?
น่าเสียดาย การป้องกันโรคไอกรนที่ส่งผ่านจากการให้นมแม่นั้นไม่เพียงพอที่จะปกป้องลูกน้อยได้ แต่การรับวัคซีนนั้นจะช่วยเพิ่มแอนติบอดี้แล้วส่งผ่านไปสู่ลูกคุณได้
ความเสี่ยงจากการรับวัคซีนขณะตั้งครรภ์
ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการให้การกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันก่อให้เกิดอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ การที่คุณได้รับวัคซีนนั้นปลอดภัยกว่าที่จะเสี่ยงให้ลูกติดโรคไอกรนแน่นอน
วัคซีนไอกรนไม่ใช่วัคซีนเชื้อเป็น (live vaccine) ดังนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดโรคไอกรนในหญิงที่ได้รับการสร้างภูมิคุ้มกันหรือตัวเด็กเองก็ตาม งานวิจัยล่าสุดจากสหราชอาณาจักร (หญิงตั้งครรภ์เกือบ 18,000 ราย) พบว่าไม่มีสัญญาณเตือนความปลอดภัยใดๆที่เกี่ยวข้องกับการให้วัคซีนต้านโรคไอกรนในหญิงตั้งครรภ์
งานวิจัยจากสหรัฐอเมริกายังพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีนต้านไอกรน(ประเภทเดียวกันกับที่ใช้ในประเทศสกอตแลนด์) พบว่าไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในหญิงตั้งครรภ์
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย
ยาทุกชนิด(รวมทั้งวัคซีน) ได้รับการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพโดย Medicines and Healthcare Products Regulatory Agency (MHRA) และวัคซีนเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างสูงเพื่อให้ใช้งานในประเทศอังกฤษ ประเทศต่างๆในทวีปยุโรป รวมทั้งแจกจ่ายไปสู่หลายล้านคนทั่วโลก
การใช้งานจะถูกดูแลความปลอดภัยโดย MHRA และจะถูกจับตาดูต่อไป
คุณจะได้รับวัคซีนนี้จากที่ไหน
คุณสามารถได้รับวัคซีนที่โรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้านคุณ
เมื่อไหร่ที่คุณจะได้รับวัคซีน
การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันนี้แนะนำให้ทำทันทีตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการให้วัคซีนอยู่ระหว่างช่วงสัปดาห์ที่ 16 ถึง 32 แต่ยิ่งคุณได้รับวัคซีนเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่า คุณมีเวลาเพิ่มมากขึ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีและนี่เองจะถูกส่งผ่านไปสู่ลูกของคุณ คุณอาจได้รับวัคซีนหลังจากอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ก็ได้ แต่เด็กก็อาจได้รับการปกป้องที่ไม่เท่าเดิม
สามารถรับวัคซีนไอกรนขณะที่รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้หรือไม่?
หากคุณตั้งครรภ์ในช่วงฤดูไข้หวัดใหญ่ (ตุลาคม ถึง มีนาคม) คุณควรจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทันทีที่คุณตั้งครรภ์
หากคุณมีอายุครรภ์มากกว่า 16 สัปดาห์ และยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ คุณควรจะต้องได้รับวัคซีนทั้งสองชนิด คุณสามารถรับวัคซีนในเวลาเดียวกันหรือตามมาก็ได้-วัคซีนทั้งสองชนิดไม่ได้รบกวนการทำงานของกันและกันแต่อย่างใด
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนสำหรับหญิงตั้งครรภ์ได้ที่นี่ (https://www.nhsinform.scot/hea...)
หลังจากรับวัคซีน
หลังจากได้รับวัคซีนอาจมีผลข้างเคียงตามมา แต่มักไม่เป็นอันตราย
ผลข้างเคียง
คุณอาจจะได้รับผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยจากการสร้างภูมิคุ้มกันนี้ เช่น อาการผื่นแดง หรือปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน (บริเวณต้นแขน) ผลข้างเคียงที่รุนแรงนั้นหายากมากจนเกือบจะไม่พบ โดยเฉพาะในผู้ใหญ่
บทความที่เกี่ยวข้อง
วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก จำเป็นไหม ทำไมต้องฉีด?