ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยักนั้นน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ สำหรับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยักนั้น เราจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกๆ 10 ปี เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะต่อโรคไอกรนและทำให้เราไม่ได้กลายเป็นผู้แพร่เชื้อแก่คนอื่น
แต่งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics เพิ่งพบว่า ภูมิคุ้มกันดังกล่าวนั้นจะอยู่ภายในช่วง 2-3 ปีหลังจากได้รับวัคซีนเท่านั้น ในช่วงก่อนปี 1990 มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคไอกรนในอีกรูปแบบหนึ่ง คือเป็นการใช้เชื้อจริงที่ถูกทำให้อ่อนแอลงมาเป็นวัคซีน ผลที่ได้นั้นค่อนข้างดีและทำให้อัตราการเกิดโรคลดต่ำลง แต่วัคซีนดังกล่าวนั้นก็มีผลข้างเคียง เช่นทำให้มีไข้ บวม หรือปวดบริเวณที่ฉีดยาได้ นอกจากนั้นยังอาจทำให้มีอาการกระสับกระส่ายหรือง่วงนอนได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าจะพบได้น้อยแต่ในผู้ป่วยบางรายอาจทำให้เกิดอาการชักหรือสมองอักเสบอย่างฉับพลัน
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวในรูปแบบใหม่เพื่อให้มีผลข้างเคียงในการรักษาลดลง โดยเปลี่ยนมาใช้วัคซีนชนิดที่เรียกว่า DTaP แทน ซึ่งงานวิจัยได้พบว่าภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนชนิดนี้นั้นจะลดลง 42% ทุกปีหลังจากปีที่ 5 เป็นต้นไป นั่นก็หมายความว่าหากใช้คำแนะนำเดิมที่ต้องมาฉีดกระตุ้นใน 10 ปีถัดไปนั้น ร่างกายก็แทบจะไม่มีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเหลืออยู่เลย
ดังนั้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
นักวิจัยยังได้ทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่าในช่วงปีแรกหลังจากที่ได้รับวัคซีนแบบ TdaP ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยักในผู้ใหญ่นั้น วัคซีนจะมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 70% และเมื่อเวลาผ่านไป 4 ปี กลับพบว่าประสิทธิภาพลดเหลือน้อยกว่า 10% และเมื่อพิจารณาว่าเด็กทารกมักจะได้รับเชื้อเหล่านี้มาจากพี่น้องของพวกเขาแล้ว ผลที่พบดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่งและจำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไข
วิธีการแก้ไขนั้นทำได้ 2 วิธี วิธีแรกซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด นั่นก็คือการพัฒนาวัคซีนให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เราอาจจะต้องกลับไปใช้วัคซีนรูปแบบเดิมแต่หาวิธีการป้องกันหรือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่นักวิจัยกำลังพยายามพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน
อีกวิธีหนึ่งก็คืออาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้วัคซีนแบบ TdaP นี้ใหม่ให้เหมาะสม โดยแทนที่จะรอฉีดกระตุ้นหลังจากฉีดเข็มแรกไปแล้ว 10 ปี อาจจะนำมาใช้ในช่วงที่มีการระบาดของรโรคแทน และอาจจะเน้นให้ผู้ป่วยบางกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรคมากกว่ากลุ่มอื่นเข้ารับวัคซีน
แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ยากต่อการจัดการและการวางแผน เนื่องจากเราจะต้องมีการเตรียมพร้อมทุกครั้งก่อนที่จะมีการระบาด และยังต้องมีการให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ทุกคนพาเด็กมาฉีดวัคซีนเมื่อถึงช่วงเวลาดังกล่าวแทนการรอมาฉีดเมื่อมาพบแพทย์ตามนัด แต่ถ้าหากว่านี่เป็นวิธีที่สามารถป้องกันการระบาดของโรคได้ เราก็จำเป็นต้องทำ เพราะว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ได้เป็นการป้องกันเฉพาะลูกของคุณเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องทุกคนที่อยู่รอบข้างคุณด้วยเช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก จำเป็นไหม ทำไมต้องฉีด?
วัคซีนคอตีบ คืออะไร จำเป็นต้องฉีดไหม ใครควรฉีดบ้าง ราคาเท่าไร?