คุณแม่ตั้งครรภ์มักมีอาการแสบร้อนกลางอก ซึ่งอาจเรียกว่าอาการอาหารไม่ย่อย หรืออาการกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบในคนท้อง สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์
โดยมักมีอาการมากขึ้นเมื่อครรภ์เข้าสู่ไตรมาสท้ายๆ เนื่องจากฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง รวมถึงขนาดของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นกดเบียดกระเพาะอาหารทำให้กรดและอาหารในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อคลอดทารกออกมาแล้ว
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการเหล่านี้โดยปกติแล้วไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่อาจทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว โชคดีที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการกินยาลดกรด แต่ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา ควบคู่ไปกับระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน รวมถึงเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีการดำเนินชีวิต ลดอาหารมัน แอลกอฮอลล์ การนอนทันทีหลังทานอาหาร
ยาที่แนะนำที่สุดสำหรับโรคกรดไหลย้อนในระหว่างตั้งครรภ์คือ “ยาลดกรด” ยาลดกรดบางชนิดมีส่วนประกอบของอะลูมิเนียม เช่น อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ อะลูมิเนียมคาร์บอเนต ยาเหล่านี้ถือว่าปลอดภัยเมื่อใช้เป็นครั้งคราวในปริมาณที่แพทย์แนะนำ แต่อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากอะลูมิเนียมสามารถทำให้เกิดอาการท้องผูก และเป็นพิษต่อหัวใจลูกในครรภ์
ได้หากใช้ในปริมาณมาก
คุณแม่ตั้งครรภ์ยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบกกิ้งโซดา) และโซเดียมซิเตรต ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบยาเม็ด เนื่องจากยานี้มีปริมาณโซเดียมสูง ส่งผลให้เกิดการกักเก็บน้ำ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอาการบวมน้ำจนสวมแหวนไม่ได้ หรือข้อเท้าบวม
ยาลดกรดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
- ยาลดกรดทำจากแคลเซียมคาร์บอเนต (บางครั้งอาจมีการระบุสั้นๆ บนฉลากยาว่า “แคลเซียม”) มักมาในรูปแบบเคี้ยว ใช้ได้สะดวก รวดเร็ว พกพาง่าย บางยี่ห้อมีการทำรสให้อร่อยอีกด้วย
- ยาลดกรดที่มีแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์หรือแมกนีเซียมออกไซด์เป็นส่วนประกอบ มักอยู่ในรูปแบบยาเม็ดหรือยาน้ำ
ยาลดกรด 2 ชนิดนี้จะปรับให้กรดในกระเพาะมีฤทธิ์เป็นกลาง เมื่อกลืนยาชนิดนี้แล้วควรดื่มน้ำตามให้น้อยที่สุด เพราะน้ำจะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างกรดเพิ่มอีก ทั้งนี้ยาลดกรดแบบเคี้ยวและแบบยาน้ำจะทำงานได้เร็วกว่ายาเม็ดแบบกลืนมาก เพราะตัวยาละลายแล้ว พร้อมออกฤทธิ์ลดกรด
อย่างไรก็ตาม ยาลดกรดที่มีแคลเซียมอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ส่วนยาลดกรดที่มีแมกนีเซียมก็อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย ดังนั้นเพือหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงดังกล่าวอาจเลือกรับประทานยาที่มีส่วนผสมของตัวยาทั้งสองชนิดอยู่ด้วยกัน
หากพบว่าตัวเองมีอาการกรดไหลย้อนมากกว่าปกติ คุณแม่ควรพบแพทย์เพื่อขอรับยาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อการรักษาอย่างได้ผล บางคนอาจได้รับ “ยาลดการหลั่งกรด (Acid reducer)” เพื่อยับยั้งไม่ให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมา แต่ยาลดการหลั่งกรดจะไม่ทำปฏิกิริยากับกรดที่กระเพาะหลั่งออกมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงควรกินยาชนิดนี้ก่อนรับประทานอาหาร
ยาลดภาวะการหลั่งกรดบางชนิดมีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป และบางชนิดจำเป็นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ถึงจะซื้อได้ ในปัจจุบันยาเหล่านี้ถือว่าปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แม้อายุครรภ์ยังไม่ถึง 3 เดือนก็สามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาใดๆ เพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วน