เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เราก็มักจะพบโรคที่เกิดจากการติดเชื้อทางระบบหายใจเป็นจำนวนมาก เช่นไข้หวัด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม หรือมีการติดเชื้อในโพรงจมูก อาการของการติดเชื้อในโพรงจมูกนั้นอาจจะเริ่มมาจากการมีอาการคล้ายไข้หวัด ก่อนที่จะมีอาการปวดบริเวณหัวตา และหายใจลำบากเนื่องจากมีน้ำมูกอุดตันอยู่ภายใน ยิ่งไปกว่านั้นก็คืออาจเห็นหนองสีเขียวออกมาจากหัวตาได้ คำถามก็คือเมื่อไหร่จึงจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
การติดเชื้อในโพรงจมูกส่วนมากนั้นไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วารสาร New England Journal of Medicine เพิ่งตีพิมพ์เกี่ยวกับวิธีการรักษาการติดเชื้อในโพรงจมูกของผู้ใหญ่ เนื่องจากการติดเชื้อในโพรงจมูกส่วนใหญ่นั้นสามารถหายหรือมีอาการดีขึ้นได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่อีกประมาณ 15% นั้นจะต้องรับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้นั้นเกิดขึ้นได้น้อยแต่ค่อนข้างรุนแรง เช่นการติดเชื้อในสมอง หรือการเกิดฝีภายในสมอง
ในขณะเดียวกันปัจจุบันพบว่ามีการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นนั้นจะทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากการรับประทานยา และยังทำให้อัตราการเกิดเชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนแนวทางในการรักษาภาวะนี้ใหม่
แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่จึงจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
ในปัจจุบัน หากผู้ป่วยมีน้ำมูกเหนียวข้นและเปลี่ยนสี และ/หรืออาการปวดบริเวณหน้า นานอย่างน้อย 10 วัน จะจัดว่าเข้าเกณฑ์ที่ควรได้รับยาปฏิชีวนะ หรือหากมีอาการดังกล่าวรุนแรงมากขึ้นแม้ว่าจะยังไม่ครบ 10 วันก็ตาม ก็ควรได้รับยาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจเลือกให้ใช้การติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าการติดเชื้อในโพรงจมูกนั้นสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์โดยที่ไม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ สำหรับอาการอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อนั้นสามารถรักษาได้ตามอาการร่วมกับการรักษาแบบประคับประคอง เช่นการล้างจมูก, การพ่นยาสเตียรอยด์ ยาลดน้ำมูก และยาแก้ปวด