การเลือกซื้อประกันสุขภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการเลือกสินค้าประเภทอื่น แต่มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเลือกให้เหมาะสม การเลือกประกันสุขภาพที่ผิดนั้นอาจหมายถึงการต้องจ่ายเงินมากเกินไป หรือแย่ไปกว่านั้นคือไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการหรือไม่สามารถใช้ประกันสุขภาพที่ซื้อมาได้ แหล่งข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับคุณและครอบครัว โดยใช้เงินที่เหมาะสมกับความคุ้มครองที่จะได้รับ
เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับคำศัพท์ทางประกันสุขภาพ
การทำความเข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณสามารถเลือกและเป็นผู้ซื้อที่ฉลาดได้ เมื่อคุณเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้อธิบายแผนประกันแบบต่าง ๆ แล้วนั้น คุณจะพบว่าการเปรียบเทียบประกันแต่ละประเภทจะทำได้ง่ายขึ้นมาก
ทำความเข้าใจประเภทของประกันสุขภาพ
ก่อนที่คุณจะเลือกประกันที่เหมาะสมกับคุณ คุณจะต้องทำความเข้าใจประเภทของประกันสุขภาพที่พบได้ทั่วไป
ทำความเข้าใจรายละเอียดของแต่ละแบบ
เมื่อคุณเข้าใจประเภทพื้นฐานของประกันแล้วนั้น คุณจะต้องทำความเข้าใจรายละเอียด เช่น คุณจะต้องมีการจ่ายร่วม หรือได้รับส่วนลด หรือได้ประกันร่วม และจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเองสูงสุดนั้นเป็นเท่าไร ซึ่งอาจหมายถึงเงินหลายพันดอลลาร์ที่คุณจะสามารถประหยัดได้เมื่อใช้ประกันสุขภาพ การทำความเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองข้อดีและข้อเสียของแผนประกันแต่ละแผน และเข้าใจตัวเลขที่คุณสามารถประหยัดไปได้เมื่อใช้ประกันสุขภาพ
ประกันครอบคลุมยาอะไรบ้าง ?
หากคุณต้องใช้ยาที่แพทย์สั่งจ่าย คุณควรตรวจสอบยาที่สามารถเบิกได้ของแผนประกันแต่ละแผนก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าประกันของคุณจะจ่ายค่ายาให้คุณ สิ่งนี้อาจสร้างความแตกต่างได้จากการจ่ายเงินเพียงแค่ 15$ ต่อเดือนเมื่อเทียบกับ 1,500$ ต่อเดือน
ภายใต้แผนประกันสุขภาพฉบับใหม่ ประกันสุขภาพจะต้องครอบคลุมยาอย่างน้อย 1 ตัวของยาในแต่ละประเภทหรือแต่ละกลุ่มในบัญชียาของสหรัฐอเมริกา หรือต้องมีจำนวนยาจากแต่ละกลุ่มในจำนวนที่เท่ากับจำนวนที่กำหนดไว้ตามแต่ละรัฐ ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขใดนั้นมากกว่ากัน ดังนั้นตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป ประกันสุขภาพจะมีระบบคณะกรรมการยาและการรักษาเพื่อช่วยในการออกแบบแผนประกันให้สอดคล้องกับการใช้ยาตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
การเปรียบเทียบแผนประกัน : การเลือกแผนเฉพาะ
สิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งของการเลือกซื้อประกันสุขภาพก็คือการสร้างความสมดุลให้กับสิ่งที่คุณสามารถเลือกกับจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ยิ่งคุณมีอิสระในการเลือกมากเท่าไร ก็หมายถึงต้องจ่ายเงินมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากบริษัทประกันควบคุมค่าใช้จ่ายโดยการจำกัดเครือข่ายและการเข้าถึงยาหรือการรักษา
ตัวอย่างเช่น แผนประกันอาจจำกัดแพทย์ที่คุณสามารถไปรับการรักษาได้ ทำให้คุณต้องเลือกแพทย์ที่จะให้ส่วนลดกับแผนประกัน หรือประกันอาจจะจ่ายค่าตรวจกับแพทย์เฉพาะทางเมื่อคุณมีใบส่งตัวจากแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวของคุณเท่านั้น เพื่อจำกัดการเข้าพบแพทย์เฉพาะทางไม่ให้ผู้ป่วยไปพบด้วยตนเอง
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีสุขภาพดีมักจะเลือกใช้แผนสุขภาพที่กว้างแต่ไม่ได้ครอบคลุมมากและมีราคาที่ถูกกว่า ในขณะที่ผู้มีปัญหาทางสุขภาพอาจเลือกการใช้ประกันที่ง่ายและสามารถเข้าถึงการรักษาได้ แม้ว่าจะต้องใช้เงินมากกว่า ดังนั้นเมื่อคุณเปรียบเทียบแผนประกันต่าง ๆ ถึงแม้ว่าคุณจะมีสุขภาพดีอยู่ก็ตาม ควรคิดถึงความยากง่ายในการใช้ประกันหากคุณเกิดเจ็บป่วยรุนแรง
บัญชีเงินฝากสำหรับประกันสุขภาพ (HSA) และบัญชีแบบใช้จ่ายง่าย (FSA)
ทั้งสองอย่างนี้เป็นรูปแบบพิเศษของบัญชีเงินฝากซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลบางส่วน โดยสามารถช่วยประหยัดค่าประกันสุขภาพได้ด้วยการซื้อประกันที่มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนน้อยกว่า แต่ต้องจ่ายเองมากขึ้นหากมีการใช้งาน นอกจากนั้นคุณยังสามารถประหยัดค่าภาษีเงินได้ได้อีกด้วยเนื่องจากเงินที่อยู่ในบัญชีนี้จะไม่ถูกนำมาคิดภาษี
บัญชีแบบใช้จ่ายง่าย (FSA) นั้นเป็นบัญชีที่เปิดโดยนายจ้าง ในขณะที่บัญชีเงินฝากสำหรับประกันสุขภาพ (HSA) สามารถเปิดได้ทั้งโดยนายจ้างและตัวบุคคล และสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่นายจ้างหรือเจ้าของบัญชีนั้นอยู่ภายใต้ความครอบคลุมของแผนประกันสุขภาพของ HSA
ดังนั้นหากคุณกำลังเลือกซื้อประกันสุขภาพสำหรับตัวเอง นอกเหนือจากการได้รับจากนายจ้างแล้วนั้น คุณยังสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพแบบ HSA (และสามารถเข้าถึงการสร้างบัญชีดังกล่าวได้) แต่ไม่ใช่บัญชีแบบ FSA หากนายจ้างของคุณเป็นผู้จัดการเรื่องประกันสุขภาพ คุณอาจเข้าถึงบัญชีแบบ FSA หรือ HSA ได้ ขึ้นอยู่กับนายจ้างของคุณ บัญชีทั้งสองรูปแบบนี้มีเงื่อนไขและกฎต่าง ๆ มากมายซึ่งคุณควรทำความเข้าใจก่อนที่จะตัดสินใจเปิดบัญชี