การดูแลบาดแผลทางใจ (Trauma Informed Care) คืออะไร ?

เผยแพร่ครั้งแรก 7 ต.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
การดูแลบาดแผลทางใจ (Trauma Informed Care) คืออะไร ?

ในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ เกิดการตื่นตัวมากขึ้นเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับบาดแผลทางใจและผลกระทบต่อสุขภาพ

ในขณะนี้ เราเข้าใจแล้วว่าบาดแผลทางใจนั้นเกิดขึ้นได้ทั่วไป และผลกระทบของมันก็คงอยู่ยาวนาน  ผู้ที่ให้การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ทางสังคมกำลังเริ่มปรับเปลี่ยนการทำงานของตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความเจ็บปวดซ้ำอีก และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาแทน การเคลื่อนไหวดังกล่าวคือการดูแลบาดแผลทางใจ (trauma informed care)

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

หากคุณเป็นหนึ่งในหลายคนที่เคยเกิดบาดแผลทางใจมาก่อน และรู้สึกว่ายังมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การไปพบผู้ให้บริการและสถาบันที่ให้การดูแลดังกล่าวอาจช่วยในกระบวนการรักษาของคุณได้ การเข้าใจหลักการของการดูแลดังกล่าวจะทำให้คุณได้รับคำแนะนำเพื่อการดูแลที่ดีที่สุดได้

ประวัติของการดูแลบาดแผลทางใจ

หากคุณเคยเกี่ยวข้องกับบาดแผลทางใจมาก่อน จะพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะนึกถึงการดูแลสุขภาพทางจิตโดยไม่มีมุมมองนี้ หากมองย้อนกลับไปในอดีต คุณอาจเคยพบตัวอย่างที่รู้จักกันดีอย่างโรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) ในทหารหรือสมาชิกในครอบครัว

กว่าโรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง (post-traumatic stress disorder-PTSD) จะได้รับการบรรจุเข้าในเกณฑ์การวินิจฉัยกลุ่มโรคทางจิตเวชฉบับที่สาม (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders-DSM-III) ก็เป็นช่วงปี 1980 แล้ว

นั่นเป็นการวินิจฉัยทางจิตที่เกี่ยวข้องกับบาดแผลทางใจอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวที่กว้างขวางกว่านั้น ในปี 1994 องค์กรการให้บริการทางสุขภาพและการติดสารเสพติด (Substance Abuse and Mental Health Services Administration-SAHMHSA) จัดการประชุม Dare to vision ขึ้น ซึ่งเป็นการอภิปรายโดยเน้นประเด็นเรื่องของบาดแผลทางใจ

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับบาดแผลทางใจได้มาแลกเปลี่ยนว่าการปฏิบัติตามมาตรฐานของโรงพยาบาลทำให้เกิดความเจ็บปวดซ้ำและกระตุ้นความทรงจำของการถูกทำร้ายก่อนหน้านี้  หลังจากนั้นงานวิจัยเรื่องนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น recovery model การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากการสนับสนุนและการลงข้อมูลอย่างเป็นระบบของผู้ที่เคยได้รับบาดแผลทางใจมาก่อน

อะไรเป็นนิยามที่สื่อความได้ดีของบาดแผลทางใจ?

โชคไม่ดีที่ความหมายของคำนี้กว้างมาก และอาจครอบคลุมถึงคนทุกคนได้ด้วยซ้ำ ซึ่งทาง SAMHSA ก็ได้ให้นิยามของคำนี้ไว้ในปี 2014 ว่า

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

บาดแผลทางใจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หรืออาจเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องหลาย ๆ เหตุการณ์ หรือสถานการณ์ที่คนคนหนึ่งต้องประสบ โดยเป็นอันตรายต่อทางร่างกายหรือจิตใจ หรืออาจอันตรายถึงแก่ชีวิต และมีผลกระทบต่อการทำงานของคนคนนั้น หรือสุขภาพจิต สุขภาพกาย สังคม อารมณ์ หรือจิตวิญญาณ

ผลระยะยาวของบาดแผลทางใจคืออะไร ?

บาดแผลทางใจสามารถส่งผลกระทบต่อแทบจะทุกสิ่งของคนคนหนึ่ง ทั้งสุขภาพกาย การพัฒนาของสมอง ความสัมพันธ์ และความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ โดยงานวิจัยในหัวข้อนี้กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะนี้เรากำลังเริ่มเข้าใจแล้วว่า ช่วงของพัฒนาการสมองในขณะที่ได้รับบาดแผลนั้นมีผลกระทบได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณได้รับบาดแผลดังกล่าวเมื่ออายุเจ็ดปี ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะไม่เหมือนกับกรณีที่คุณได้รับบาดแผลตอนอายุสิบเจ็ดปี

เมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบในเชิงลึกของบาดแผลทางใจ ก็พบว่ายังมีข่าวดีอยู่บ้าง นักวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลกระทบของบาดแผลทางใจไม่ได้เป็นสิ่งถาวร สมองของคุณสามารถพัฒนาและรักษาตัวหลังการบาดเจ็บได้

การดูแลการบาดเจ็บทางใจจะทำได้อย่างไร ?

SAMHSA โต้ว่า ความเข้าใจโดยทั่วไปเรื่องบาดแผลทางใจของผู้เชี่ยวชาญบางคนนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้การฟื้นตัวของผู้ได้รับบาดแผลดังกล่าวดีขึ้น การดูแลบาดแผลทางใจต้องถูกแทรกไว้ในวัฒนธรรมของบริษัท และทุกระดับในบริษัทนั้นต้องรู้ โดยทาง SAMHA วางรากฐานเรื่องนี้เอาไว้สี่ข้อ คือ

  1. สมาชิกของระบบการดูแลบาดแผลทางใจรู้ว่าสิ่งนี้สามารถลุกลามได้ แต่ก็มีศักยภาพในการฟื้นตัว
  2. แต่ละคนต้องได้รับการสอนให้ตระหนักถึงอาการและอาการแสดงของบาดแผลทางใจ
  3. นโยบาย กระบวนการ และการฝึกฝนต้องสร้างขึ้นโดยที่คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย
  4. ระบบการดูแลบาดแผลทางใจต้องต้านทานกับสิ่งที่ทำให้เกิดบาดแผลทางใจซ้ำได้

แทนที่จะสร้างนโยบายขึ้นมา แต่ทาง SAMHSA ได้ผลักดันหลักการหกประการในการดูแลแทน ดังนี้

  1. ความปลอดภัย
  2. ความไว้เนื้อเชื่อใจและความโปร่งใส
  3. การสนับสนุนอย่างเท่าเทียม
  4. ความร่วมมือและความผูกพัน
  5. การทำให้ถูกต้อง ความคิดเห็น และทางเลือก
  6. วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และประเด็นทางเพศ

3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Trauma-informed care: What it is, and why it’s important. Harvard Health. (https://www.health.harvard.edu/blog/trauma-informed-care-what-it-is-and-why-its-important-2018101613562)
Trauma Informed Care for Institutions. Verywell Mind. (https://www.verywellmind.com/what-is-trauma-informed-care-2509977)
Infographic: 6 Guiding Principles To A Trauma-Informed Approach. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (https://www.cdc.gov/cpr/infographics/6_principles_trauma_info.htm)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)