คุณแม่มือใหม่บางคนอาจมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หรือที่เรียกว่า "Baby blues" ซึ่งเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน แต่หากคุณแม่มีความคิดผิดแปลก และไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายของโรคจิตหลังคลอด (Postpartum psychosis)
ทำความรู้จักโรคจิตหลังคลอด
โรคจิตหลังคลอด เป็นความเจ็บป่วยทางจิตใจอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังจากการคลอดลูก
ปรึกษาสุขภาพจิต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 882 บาท ลดสูงสุด 51%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ลักษณะเด่นของโรคนี้ คือ ไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์ต่อทารกเกิดใหม่ บางครั้งอาจมีความคิดที่จะทำร้ายลูกด้วย รวมทั้งมีอาการบางอย่างที่ดูคล้ายโรคซึมเศร้าหลังคลอด
โรคจิตหลังคลอด จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางจิตใจหลังคลอดที่เป็นภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสทำร้ายเด็กหรือทำร้ายตนเองได้
สาเหตุของโรคจิตหลังคลอด
โรคจิตหลังคลอดเป็นความผิดปกติที่พบได้ค่อนข้างยาก โดยสาเหตุการเกิดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหลังคลอดที่ไปกระตุ้นให้เกิดอาการนี้ขึ้น
บุคคลต่อไปนี้อาจมีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคจิตหลังคลอดได้มากขึ้น
- มีอายุมากขณะตั้งครรภ์
- มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคทางจิต หรือโรคจิตหลังคลอด
- เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไบโพลาร์หรือโรคจิตเภท
- ได้รับบาดเจ็บจากการคลอด หรือการตั้งครรภ์
- เคยป่วยด้วยโรคจิตหลังคลอดในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
นอกจากนี้มีงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่าคุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือคลอดทารกตัวโตจะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้น้อย
อาการแสดงของโรคจิตหลังคลอด
โรคทางจิตหลังคลอดที่พบได้บ่อยกว่าโรคอื่นๆ อย่างโรคซึมเศร้านั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 3 เดือนหลังคลอด (แต่ก็อาจเกิดระหว่างช่วงขวบปีแรกของลูกได้) ในขณะที่โรคจิตหลังคลอดมักจะแสดงอาการเร็วกว่านั้น คือในช่วง 1-4 สัปดาห์หลังคลอด นอกจากนี้ยังมีอาการมากกว่า
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สัญญาณโรคจิตหลังคลอดที่ควรระวัง ได้แก่
- รู้สึกอยากขว้างเด็กทิ้ง หรืออยากทำร้ายเด็กกะทันหัน
- มีอาการหลงผิด เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
- มีอาการประสาทหลอน เช่น มองเห็นภาพ หรือได้ยินในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- ไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์ หรือมีสีหน้าว่างเปล่า
- ไม่ตอบสนองทางอารมณ์กับเด็กทารก และไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับเด็กทารก
- มีปัญหาในการนอนหลับมากกว่าปกติ
- มีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมการกินและอาหารที่กิน
- หงุดหงิดง่าย
- สับสนงุนงง
- กระสับกระส่าย
- มีความคิดฆ่าตัวตาย หรือเชื่อว่า เด็กทารก หรือครอบครัวจะมีชีวิตที่ดีกว่าหากไม่มีตนเอง
การรักษาโรคทางจิตใจหลังคลอด
แม้ตัวคุณแม่จะรู้ว่าตัวเองมีปัญหา หรือมีความผิดปกติ แต่ก็อาจคิดว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือ หรือการรักษาสำหรับโรคนี้ หรือหากมีความคิดที่อยากจะโยนเด็กทิ้ง หรือทำร้ายเด็ก ซึ่งอาจเกิดจากสัญชาตญาณในการดูแลลูกผิดปกติไป
ผู้ป่วยมักจะเก็บความคิดเหล่านี้ไว้เป็นความลับ เพราะกลัวว่าแพทย์ หรือสมาชิกในครอบครัวจะมาเอาลูกไป
ความคิดแบบนี้จะทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้รู้สึกเดียวดายเป็นอย่างมาก ดังนั้นขั้นตอนแรกในการรักษาโรคนี้ก็คือ การให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่า ความคิดต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดจากความเจ็บป่วย
สิ่งสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโรคทางจิตคือ การส่งให้จิตแพทย์ดูแลทันที
หากผู้ดูแล หรือสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งตัวคุณเองสงสัยว่า ตนมีโรคดังกล่าว ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน และต้องแยกคุณแม่ออกจากเด็กทารกในช่วงนั้นด้วย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การแยกเด็กทารกออกไปไม่ใช่การแยกจากการดูแลของคุณแม่อย่างถาวรแต่อย่างใด แต่มีจุดประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก จากนั้นจะเป็นขั้นตอนประเมินอาการของคุณแม่และให้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรักษาโรคจิตหลังคลอดด้วยหลายวิธีร่วมกัน วิธีการที่นำมาใช้ได้มีดังต่อไปนี้
- การเข้ารักษาในโรงพยาบาล
- การรับประทานยารักษาอาการโรคจิต
- การรับประทานยารักษาอาการซึมเศร้า
- การรักษาอาการทางจิตเวชด้วยการใช้ไฟฟ้า
หากคุณแม่พบว่า ตัวเองมีอาการที่กล่าวไปข้างต้น แต่ยังไม่กล้าไปพบแพทย์ สามารถเริ่มต้นด้วยการปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอื่นๆ และควรคิดไว้เสมอว่า อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นความเจ็บป่วยที่สามารถรักษาให้หายได้
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจปรึกษาสุขภาพจิต จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
ให้นมลูกมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอคะ เกิดจากสาเหตุอะไร บางเดือนมาบางเดือนไม่มา