กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

CRE Infection (ติดเชื้อ CRE)

เผยแพร่ครั้งแรก 25 ก.พ. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

CRE หรือ Carbapenem-resistant Enterobacteriaceae คือเชื้อแบคทีเรียตระกูล superbug ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะแทบทุกตัว รวมถึงยา Carbapenem ด้วย จึงยากต่อการรักษาเป็นอย่างยิ่ง

ยา Carbapenem เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มหนึ่งที่ประกอบด้วยยาไอมิเพเนม (Imipenem) เมอโรพีเนม (Meropenem) เออร์ตาพีเนม (Ertapenem) และโดโรพีเนม (Doropenem) ซึ่งถือเป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะ “ที่พึ่งพิงสุดท้าย” เนื่องจากมีฤทธิ์ในการจัดการกับการติดเชื้อที่รุนแรง โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาสูงต่อยาปฏิชีวนะอื่นๆ แต่ล่าสุดกลับพบว่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดเริ่มหันมาดื้อยา Carbapenem แล้วเช่นกัน แบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างเอนไซม์ เช่น เอนไซม์ Klebsiella pneumoniae carbapenemase (KPC) เอนไซม์ New Delhi metallo-β-lactamase (NDM) และเอนไซม์ Verona integron-mediated metallo-β-lactamase (VIM) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีความสามารถสลายยา Carbapenem ทำให้ตัวยาหมดประสิทธิภาพลง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ประเภทและอุบัติการณ์ของเชื้อ CRE

จากรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่าเชื้อ CRE ที่พบมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา คือ Carbapenem-resistant Klebsiella bacteria และ Carbapenem-resistant Escherichia coli (E. coli) โดยปกติเชื้อทั้งสองชนิดนี้จะอาศัยอยู่ตามลำไส้และไม่ก่อโรค แต่หากเชื้อเหล่านี้ไปอยู่ในที่อื่นในร่างกาย เชื้อจะสามารถก่อโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โรคติดเชื้อในปอด โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง นอกจากนี้เชื้อ E.coli บางสายพันธุ์ที่อาศัยในปศุสัตว์ก็สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อในลำไส้คนได้เช่นกัน 

รายงานของ CDC พบว่าในสหรัฐอเมริกา แต่ละปีจะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากเชื้อ Carbapenem-resistant Klebsiella bacteria ประมาณ 7,900 ราย และ 520 รายตามลำดับ ในขณะจำนวนของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากเชื้อ Carbapenem-resistant Escherichia coli คือประมาณ 1,400 ราย และ 90 รายตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในผู้ติดเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้พบว่ามีเพียง 6% ของการติดเชื้อในกลุ่ม Enterobacteriaciae ซึ่งมีประมาณ 140,000 รายต่อปี จากข้อมูลตามสถานพยาบาลหลายๆ แห่งในสหรัฐอเมริกา

การแพร่กระจายของเชื้อ CRE

การติดเชื้อ CRE จะเกิดขึ้นเมื่อมีการสัมผัสกับเชื้อนี้ โดยคุณอาจได้รับเชื้อเมื่อใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อหรือผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อนี้ โดยเฉพาะการสัมผัสบาดแผลหรือได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนมาในอุจจาระ ซึ่งทันทีที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายก็จะก่อให้เกิดการติดเชื้อหลังจากนั้น

ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ CRE

คนที่มีสุขภาพดีมักจะไม่ติดเชื้อ CRE โดยคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้จะมีความเสี่ยงมากกว่า

  • ผู้ป่วยที่กำลังรักษาโรคอื่นอยู่
  • ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ 
  • ผู้ที่ต้องรักษาโดยใส่เครื่องมือทางการแพทย์บางอย่าง เช่น การใส่สายสวน การส่องกล้อง การใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น
  • การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด

การรักษาการติดเชื้อ CRE

หลายคนมีเชื้อ CRE อยู่ในร่างกายหรืออยู่ตามผิวหนัง แต่มีสุขภาพแข็งแรงดี จึงไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ แต่คนเหล่านี้จะกลายเป็นพาหะให้ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีความเสี่ยงติดเชื้อได้ ซึ่งคนที่เป็นพาหะนั้นไม่ต้องรับการรักษาแต่อย่างใด แต่หากเกิดการติดเชื้อ CRE ขึ้น แพทย์ก็จะให้ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อนี้

การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ CRE

บุคลากรทางการแพทย์มีหลักปฏบัติเพื่อป้องกันการติดต่อและแพร่กระจายของเชื้อ และบางครั้งก็อาจแนะนำให้ญาติผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ด้วย

  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนและหลังเข้าเยี่ยมผู้ป่วย รวมทั้งสวมถุงมือและเสื้อกาวน์เสมอ
  • ให้ผู้ป่วยติดเชื้อ CRE แยกห้องจากผู้ป่วยรายอื่น
  • ถอดถุงมือและเสื้อกาวน์ก่อนออกจากห้องของผู้ป่วย CRE
  • ผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
  • ผู้ป่วยที่รักษาโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เสี่ยงก่อให้เกิดการติดเชื้อนี้ เมื่ออาการดีขึ้นแล้วแพทย์จะถอดเครื่องมือนั้นออกทันที

ทั้งนี้ผู้ป่วยเองก็ต้องพยายามป้องกันการติดเชื้อด้วยตนเองเหมือนกัน โดยควรรับประทานยาปฏชีวนะตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์สั่ง ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด และล้างมือทุกครั้งก่อนปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร ก่อนและหลังเปลี่ยนผ้าพันแผล หลังใช้ห้องน้ำ และหลังสั่งน้ำมูกหรือหลังใช้มือปิดปากเมื่อจามหรือไอ


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
healthywa.wa.gov.au, Carbapenem-resistant Enterobacteriaceae (CRE) (https://healthywa.wa.gov.au/Articles/A_E/Carbapenem-resistant-Enterobacteriaceae-CRE)
Iovleva A1, Doi Y2., Carbapenem-Resistant Enterobacteriaceae. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/28457352)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเดียวกันในช่วงๆเวลาใกล้กันได้หรือไม่คะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
สงสัยคะทำไมคนไข้ส่วนใหญ่จะติดเชื้อในกระแสเลือดคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ
เชื้อ HPV เกิดขึ้นได้อย่างไร และสามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ถ้าได้..สามารถตรวจเช็คได้ทางไหนบ้าง
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปัญหาสิวในวัย30+
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
เรื่องความเข้มข้นของเลือดในการบริจาคเลือดค่ะ เคยบริจาคได้ แต่สองสามปีมานี้ ทั้งพักผ่อน อกล ก็ยังไม่สามารถบริจาคเลือดได้ค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
การใส่เหล้ก จำเป้นไหมไม่ที่ไม่ผ่าออก
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)