การผ่าตัดคลอด เป็นหัตถการระหว่างคลอดที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กไม่สามารถคลอดผ่านทางช่องคลอดของมารดาได้ จึงต้องทำการผ่าตัดเพื่อนำเด็กออกจากมดลูกของแม่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุที่พบบ่อยของการผ่าตัดคลอด
- การคลอดลูกแฝด
- มารดามีความดันโลหิตสูง
- มีปัญหาเกี่ยวกับรกหรือสายสะดือ
- ปากมดลูกไม่เปิดเพิ่ม
- มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของมดลูก หรืออุ้งเชิงกราน
- ทารกไม่กลับหัวหรืออยู่ในท่าอื่นๆ ที่อาจทำให้การคลอดเองไม่ปลอดภัย
- ทารกมีอาการแสดงว่าอยู่ในสภาวะที่เครียด เช่น หัวใจเต้นเร็ว
- ทารกมีปัญหาสุขภาพที่ทำให้การคลอดทางช่องคลอดมีความเสี่ยง
- มารดามีปัญหาทางสุขภาพ เช่น ติดเชื้อ HIV หรือเริม (Herpes) ที่สามารถส่งผลกระทบต่อทารกได้
เมื่อแพทย์ตัดสินใจว่าจะต้องมีการผ่าตัดคลอดแบบฉุกเฉิน ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการดมยาสลบทันที แต่หากมีการวางแผนการผ่าตัดไว้ก่อนแล้ว ผู้ป่วยมักจะได้รับการระงับความรู้สึกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น การระงับความรู้สึกที่ไขสันหลัง ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีอาการชาตั้งแต่หน้าอกลงไป จากนั้นแพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะเข้าไปในท่อปัสสาวะ
ในการผ่าตัด จะมีการลงแผลผ่าตัด 2 แผล แผลแรกเป็นแผลผ่าตัดแบบขวางซึ่งมีขนาดประมาณ 6 นิ้วยาวตามท้อง ซึ่งจะตัดผ่านผิวหนัง ไชมันและกล้ามเนื้อ แผลผ่าตัดที่ 2 จะเป็นการเปิดมดลูกให้กว้างพอที่จะสามารถนำทารกออกมาได้ ทารกจะถูกนำออกจากมดลูกก่อนที่จะนำรกออก แล้วจึงทำการเย็บแผลที่มดลูก ภายหลังจากการผ่าตัด ทารกจะได้รับการดูดสารคัดหลั่งออกจากปากและจมูก ผู้ป่วยสามารถอุ้มทารกได้ทันทีหลังจากคลอด ก่อนที่จะถูกพาไปยังห้องพักฟื้นและจะถอดสายสวนปัสสาวะออกหลังจากนั้น
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 5 คืน ในช่วงแรก การขยับร่างกายส่วนต่างๆ อาจจะเจ็บหรือทำได้ยาก แพทย์จึงมักจะให้ยาแก้ปวดผ่านทางเส้นเลือดดำ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นยาแก้ปวดแบบรับประทาน และแพทย์อาจจำกัดการเคลื่อนไหวร่างกายประมาณ 4-6 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือแผลผ่าตัดฉีก
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดคลอด
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดคลอดสามารถพบได้น้อย แต่ถ้าหากเกิดขึ้น มักมีอาการต่อไปนี้
- ปฏิกิริยาต่อยาสลบ
- เลือดออก
- ติดเชื้อ
- ลิ่มเลือด
- ลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ