ในยามที่ผู้คนเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ก่อนเข้าพบแพทย์ได้นั้นจะต้องมีการสอบถามถึงอาการเจ็บป่วยกับประวัติ การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง และขั้นตอนการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการวัดสัญญาณชีพจรหรือชีพจร ซึ่งสามารถบอกการทำงานของอวัยวะภายในได้ว่ายังทำงานปกติหรือมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติหรือไม่
สัญญาณชีพหรือชีพจรหมายถึงอะไร
สัญญาณชีพหรือชีพจร (Vital sign) จะมีค่าตัวเลขที่บ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากไม่มีสัญญาณนี้จากร่างกายของผู้ป่วย นั่นหมายถึงการมีชีวิตได้สิ้นสุดลงแล้ว ทางการแพทย์จะใช้ค่าต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวประเมินการทำงานของปอด หัวใจ และสมอง ซึ่งเป็นการประเมินสุขภาพของผู้าป่วยเบื้องต้น โดย 4 อาการที่สัญญาณชีพบอกได้คือ
- ชีพจร แสดงถึงอัตราการเต้นของหัวใจ
- การหายใจ แสดงถึงอัตราการหายใจ
- อุณหภูมิ แสดงถึงอุณหภูมิภายในร่างกาย
- ความดันโลหิต
ค่าต่างๆ ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ ขณะมีความเคลื่อนไหวหรืออาการตกใจ มีไข้ หากมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในแต่ละบุคคล อาจหมายถึงมีความผิดปกติในร่างกายหรือเกิดโรคได้
วิธีการวัดสัญญาณชีพ
- การวัดชีพจร ใช้วิธีการคลำเส้นเลือดแดงที่อยู่ตรงข้อมือ ถ้าหัวใจบีบตัวจะทำให้เส้นเลือดมากระทบกับนิ้วมือที่คลำ เมื่อหัวใจคลายตัวก็จะส่งผลให้เส้นเลือดที่มากระทบนิ้วมือที่คลำลดลง แบบนี้ถือว่าเป็นการเต้นของหัวใจ 1 ครั้ง ส่วนมากจับเวลาการนับเพียง 30 วินาที ได้จำนวนกี่ครั้งก็คูณสอง ขณะจับชีพจรต้องดูการเต้นว่าสม่ำเสมอหรือไม่ อีกทั้งหากมีสัญญาณเต้นมากระทบนิ้วเบาๆ แสดงว่าหัวใจบีบเลือดได้น้อย
- การวัดการหายใจ ให้สังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอกแล้วนับว่าใน 1 นาที มีการเคลื่อนไหวกี่ครั้ง จึงจะบ่งบอกว่าการหายใจเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอจะทำให้หายใจถี่หรือเร็วและแรงขึ้น
- การวัดอุณหภูมิ จะใช้ปรอทวัดไข้ให้ผู้ป่วยอมไว้ใต้ลิ้นแล้วอ่านค่าได้เลยเมื่อครบเวลา หรือวัดทางทวารหนักด้วยการใส่ปรอทเข้าที่ง่ามก้นประมาณครึ่งถึงหนึ่งนิ้วแล้วใช้นิ้วจับไว้ จากนั้นรอสัญญาณและอ่านผล อีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันบ่อยๆ คือวัดทางรักแร้ ด้วยการใส่ปรอทไว้ที่ซอกด้านบนของรักแร้แล้วให้คนไข้ทิ้งแขนหนีบไว้ค่อยรออ่านผล นอกจากนี้ยังสามารถวัดที่หูได้ หากเป็นเด็กให้ดึงติ่งหูทิ้งไปด้านล่างและไปข้างหลัง ส่วนผู้ใหญ่ดึงขึ้นและไปข้างหลัง กดปุ่มวัดแล้วรออ่านผล
- การวัดความดันโลหิต
- การฟังด้วยเครื่องวัดแบบแมนนวล เป็นการวัดด้วยแรงที่กระทำจากผ้าพันแขนด้วยการสูบลมจนมีระดับปรอทอยู่เหนือค่า SBP ประมาณ 20 – 30 มิลลิเมตรปรอท แล้วจึงเป่าลมออก จากนั้นอ่านค่าที่เสียงดังสูงสุดและปล่อยให้ปรอทลงต่ำสุดจนเสียงหายไปจึงอ่านค่าอีกครั้ง
- เครื่องอัตโนมัติดิจิตอล สามารถกดปุ่มผ้าพันแขนก็จะรัดแน่นแล้วรออ่านผลได้เลย
อุปกรณ์ที่ใช้วัดสัญญาณชีพจร
- การวัดชีพจร ใช้นิ้วมือหรืออุปกรณ์วัดชีพจรแบบใช้สายคาดอกคล้ายนาฬิกา หรือเป็นระบบเซนเซอร์เพื่อใช้คู่กับสมาร์ทโฟน แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่าไร
- การวัดการหายใจ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ แต่ให้ใช้การสังเกตด้วยตาแล้วนับและจับเวลา
- การวัดอุณหภูมิ ใช้ปรอทในการวัด ซึ่งมี 4 ชนิด คือ ปรอทแบบธรรมดาใช้อมไว้ใต้ลิ้น การวัดทางหูที่ใช้แสงอินฟาเรด ปรอทชนิด electronic ใช้วัดทางปาก ทวารหนัก รักแร้ และปรอทวัดไข้ชนิดแตะที่หน้าผาก
- การวัดความดันโลหิต ใช้อุปกรณ์ 3 ชนิด คือ แบบหูฟังที่ทำมาจากปรอท ซึ่งเป็นแบบที่นิยมและได้มาตรฐานแบบขดลวดที่ให้ความสะดวกและราคาไม่แพง เครื่องวัดแบบดิจิตอลที่ใช้งานง่ายและอ่านผลได้สะดวก
การวัดสัญญาณชีพไม่ได้กระทำแค่การเก็บประวัติก่อนรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังมีการตรวจวัดอีกหลายครั้งขณะที่ทำการรักษา เพราะเป็นวิธีที่สามารถตรวจจับความผิดปกติของร่างกายได้ง่ายและแม่นยำ หากพบความผิดปกติในขั้นตอนเบื้องต้นนี้แล้ว จะช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์เพื่อตรวจหาโรคเป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้น