การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกมีรูปแบบที่หลากหลาย มาดูการแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกห้าประเภทที่ใช้มากที่สุดกัน
1. ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
อ้างอิงจากศูนย์สุขภาพผสมผสานและทางเลือกเสริมแห่งชาติ (National Center for Complementary and Integrative Health-NICCIH) แนวทางการรักษาแบบการแพทย์เสริมที่ใช้กันมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาแบ่งเป็นสองชนิดย่อย คือ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และการบำบัดทางกายและจิต (mind-body practices)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมักขายในรูปของอาหารเสริม ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งสมุนไพร โพรไบโอติกส์ (probiotics) สารต้านอนุมูลอิสระ กรดไขมันโอเมก้า-3 สารเคมีเช่น glucosamine sulfate และ chondroitin sulfate (อาหารเสริมทั้งสองชนิดนี้ได้รับการกล่าวถึงว่าช่วยในการรักษาข้อเสื่อม) และสารอื่น ๆ อีกมากมาย
ในปี 2012 การสํารวจภาวะสุขภาพระดับชาติโดยการสัมภาษณ์ (National Health Interview Survey หรือ NHIS) ซึ่งเป็นรายงานที่จัดทำโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติเพื่อสถิติทางสุขภาพ (Centers for Disease Control and Prevention's National Center for Health Statistics) นักวิจัยตัดสินว่า 17.7% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเคยใช้อาหารเสริมอื่น ๆ นอกเหนือจากวิตามินและเกลือแร่ในช่วงปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ใช้กันมากที่สุดคือน้ำมันปลา ซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และได้รับการกล่าวถึงว่าสามารถป้องกันภาวะต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจได้
2. การบำบัดทางกายและจิต
เป็นแนวทางรักษาทางการแพทย์เสริมประเภทที่สองที่ใช้กันมากที่สุด โดยอ้างอิงจาก NCCIH การบำบัดทางกายและจิตมักเกี่ยวข้องกับการใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อช่วยกระตุ้นความสามารถในการมีอิทธิพลเหนือการทำงานของร่างกายและทำให้สุขภาพดีขึ้น
การสะกดจิตบำบัด (hypnotherapy) เป็นการบำบัดทางกายและจิตที่ได้รับความนิยม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อของการสะกดจิต (hypnosis) ด้วย พบว่าการบำบัดดังกล่าวช่วยลดน้ำหนัก ลดอาการปวดหลัง และช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์บางชิ้น
การฝึกฝนด้วยตนเองที่ใช้กันมานานแล้วเพื่อให้เกิดความสงบคือการทำสมาธิ (meditation) ซึ่งเป็นการบำบัดทางกายและจิตซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจสำหรับการมีระดับความดันโลหิตที่ดีและการนอนหลับที่ลึกกว่า
ทาง NCCIH ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าความนิยมโยคะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่าน ๆ มานี้ โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ที่ฝึกโยคะในปี 2012 เป็นจำนวนเกือบสองเท่าของปี 2002
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การบำบัดทางกายและจิตประเภทอื่น ๆ ยังรวมถึง การฝึกสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย (biofeedback) จินตภาพบำบัด (guided imagery) และดนตรีบำบัด
3. ระบบการแพทย์ทางเลือก
ผู้สนับสนุนการแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกหลายรายใช้การบำบัดและการรักษาจากระบบการแพทย์ทางเลือก เช่น homeopathy และการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด (naturopathic medicine)
ระบบการแพทย์ทางเลือกยังรวมถึงการแพทย์แผนโบราณจากประเทศต่าง ๆ เช่น อายุรเวท (การแพทย์ทางเลือกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย) และการแพทย์แผนโบราณของจีน (traditional Chinese medicine-TCM) โดยการแพทย์แผนโบราณของจีนก็ยังมีรูปแบบการบำบัดอีกมากมายที่ยังใช้กันอยู่บ่อย ๆ ในสหรัฐอเมริกาทุกวันนี้ รวมถึงการฝังเข็ม การกดจุด และยาสมุนไพร
4. วิธีการบำบัดโดยใช้หัตถการ
การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกชนิดนี้มีรากฐานมาจากการจัดท่าทาง หรือการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งของร่างกายหรือมากกว่านั้น
ในบางกรณี วิธีการบำบัดโดยใช้หัตถการจะมีการเข้าร่วมในชั้นเรียนหรือการฝึกตัวต่อตัวเพื่อจุดประสงค์ในการเปลี่ยนแปลงนิสัยในการเคลื่อนไหวของคุณ ตัวอย่างเช่น เทคนิคของอเล็กซานเดอร์ ที่ใช้การเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐานใหม่ (เช่น การยืนและการนั่ง) เพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ ในขณะที่วิธีของ Feldenkrais ใช้การสร้างรูปแบบใหม่ของการเคลื่อนไหวเพื่อปรับปรุงการทำงานและสุขภาพโดยรวม
วิธีการบำบัดโดยใช้หัตถการประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ในการแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกมุ่งไปที่การประยุกต์ใช้ในการรักษาที่จำเพาะกับปัญหาทางสุขภาพ วิธีดังกล่าวได้แก่ การกดจุดสะท้อน (reflexology) การรักษาด้วยวิธีนวดกระดูก (osteopathy) และการประสานการเคลื่อนไหว (rolfing)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิธีการบำบัดโดยใช้หัตถการสองชนิดที่เป็นที่นิยมกันมากที่สุดและผ่านการวิจัยมาอย่างดีแล้วคือการจัดกระดูก (chiropractic) และการนวด
5. พลังบำบัด
การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกอีกประเภทหนึ่งคือการบำบัดพลัง ซึ่งมีรากฐานมาจากแนวคิดที่ว่ามีสนามพลังงานอยู่รอบ ๆ และเคลื่อนผ่านอยู่ในร่างกายของมนุษย์ ผู้ให้การรักษาแบบพลังบำบัดมักมุ่งเน้นไปที่การจัดการกระแสชีวิตโดยการใช้แรงกดหรือการวางมือลงบนสนามพลังงานเหล่านี้
แม้ว่าการมีอยู่ของสนามพลังงานดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีหลักฐานบางอย่างว่าการรักษาด้วยพลังบำบัดบางอย่างอาจมีผลดี
ตัวอย่างเช่น มีงานวิจัยในขั้นต้นที่แสดงให้เห็นว่าการฝึกชี่กงอาจช่วยควบคุมอาการปวดเรื้อรังและทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ ในขณะที่พลังสัมผัส (therapeutic touch) อาจช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้อเสื่อมได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลักฐานบางอย่างว่าเรกิ (reiki) อาจช่วยลดอาการปวด ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น และลดความกังวลได้