แจกวิธีล้างหน้าให้สะอาดหมดจด อย่างถูกต้องและถูกวิธี!

การล้างหน้า ไม่ใช่เรื่องทั่วๆ ไป เพราะแท้จริงแล้ว การล้างหน้า คือจุดเริ่มต้นและเป็นขั้นตอนสำคัญของสุขภาพผิวที่ดีและแข็งแรง
เผยแพร่ครั้งแรก 14 ม.ค. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
แจกวิธีล้างหน้าให้สะอาดหมดจด อย่างถูกต้องและถูกวิธี!

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ในแต่ละวันผิวหน้าของคุณล้วนแต่ต้องเผชิญกับสิ่งสกปรกมากมายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน แบคทีเรียจากการสัมผัส รวมไปถึงการสั่งสมของเครื่องสำอางและครีมกันแดด ก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าขึ้น

การล้างหน้าให้สะอาด จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ เพื่อจะได้ขจัดและชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนหน้าตลอดวันออกอย่างหมดจด

ทำไมต้องล้างหน้า และการล้างหน้าสำคัญอย่างไร?

ในหนึ่งวัน ผิวหน้าของคุณต้องเผชิญกับสิ่งสกปรกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมลพิษ ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่ถูกผลิตจากร่างกายของเราเอง เช่น เหงื่อ ไขมันที่ถูกผลิตจากต่อมไขมันที่ผิวหนัง (Sebum) เซลล์ผิวชั้นบนที่สิ้นอายุขัยหลุดลอกออกมาหรือขี้ไคล

สิ่งเหล่านี้ล้วนสะสมอยู่ในรูขุมขนบนผิวหน้าตลอดวัน ซึ่งหากไม่ชำระล้างให้สะอาด หรือทำความสะอาดผิดวิธี ย่อมก่อให้เกิดปัญหาผิวตามมา เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ การอุดตันซึ่งนำมาสู่ปัญหาสิวในที่สุด

นอกจากการล้างหน้าจะเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว การล้างหน้าอย่างถูกวิธียังเป็นการปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่างๆ ตลอดจนช่วยให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้นอีกด้วย

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการล้างหน้า ที่ไม่ควรมองข้าม

การล้างหน้าให้ถูกวิธี ไม่ใช่เรื่องยากหรือวุ่นวายอย่างที่คิด แต่ก่อนอื่นต้องปรับความเข้าใจเกี่ยวกับการล้างหน้าให้ถูกต้อง ดังต่อไปนี้

1. ล้างหน้าบ่อยเกินไปไม่ดี

หลายคนเคยชินกับนิสัยการล้างหน้าทั้งวัน เพราะคิดว่ายิ่งหน้าไม่สะอาดมากเท่าไร ยิ่งเจอมลพิษหรือสิ่งสกปรกมากเท่าไร ยิ่งควรล้างให้หน้าสะอาดอยู่เสมอ

พฤติกรรมดังกล่าวนี้ หากใครทำอยู่ควรเลิกโดยเด็ดขาด เพราะการล้างหน้าบ่อยทำให้เกิดการชะล้างน้ำมันตามธรรมชาติของผิวหน้าออกไป ทำให้ผิวหน้าแห้ง

จากนั้นร่างกายจะตอบสนองโดยการผลิตน้ำมันขึ้นมามากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว

โดยปกติคุณควรล้างหน้าวันละไม่เกิน 2 ครั้ง ช่วงเช้าและเย็น เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ตามแต่ปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

2. สบู่ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์จำเป็นหรือไม่?

การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าสามารถชำระล้างคราบเหงื่อและฝุ่นละอองต่างๆ ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถชำระล้างน้ำมันที่ร่างกายผลิต ตลอดจนน้ำมันที่เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางและครีมบำรุงต่างๆ ออกได้หมด

ซึ่งหากไม่ชำระล้างน้ำมันเหล่านี้ จะก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนอันเป็นสาเหตุของปัญหาสิว แต่ในบางคนที่ไม่ได้ผิวมันมาก สามารถล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าได้ในช่วงเช้า

อย่างไรก็ดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อผิวหน้าโดยเฉพาะ ไม่ควรเลือกใช้สบู่ที่ใช้ทำความสะอาดตัวมาทำความสะอาดหน้า เพราะผลิตภัณฑ์ล้างหน้าจะใช้ส่วนผสมของสารชะล้าง (Surfactant) ที่อ่อนโยนและคุณภาพดีกว่า

นอกจากนี้มีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายคนสงสัยว่าจำเป็นหรือไม่ อย่าง โทนเนอร์ (Toner) การใช้ขึ้นอยู่กับเหตุผลและความคาดหวังในการดูแลผิวหน้า

หน้าที่หลักๆ ของโทนเนอร์คือ ช่วยขจัดความมันตกค้าง ช่วยกระชับรูขุมขน ตลอดจนปรับสภาพผิวก่อนการบำรุง

ดังนั้นหากเป็นผู้ที่มีความต้องการในการดูแลปัญหาเหล่านี้ สามารถใช้โทนเนอร์หลังการล้างหน้าได้ แต่ไม่สามารถใช้แทนสบู่หรือโฟมล้างหน้าได้

ทั้งนี้การเลือกโทนเนอร์ควรเลือกที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ควรเลือกที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต้องเหมาะกับสภาพผิว

หลายคนมักจะเลือกสบู่ล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าจากคำแนะนำหรือความนิยม แต่แท้จริงแล้ว สภาพผิวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองเป็นหลัก

เช่น สำหรับคนผิวแห้ง ร่างกายมักมีการผลิตน้ำมันได้น้อย ก็ไม่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้ามัน เนื่องจากจะผสมสารชะล้างปริมาณมากกว่าและมักผสมกรดไฮดรอกซี (Hydroxy acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกำจัดไขมันส่วนเกินในรูขุมขนและบนผิวหนัง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บางคนอาจชอบใช้ผลิตภัณฑ์สครับ (Scrub) ที่มีคุณสมบัติช่วยขัดผิวหน้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีข้อดีในการช่วยผลัดผิวให้ดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น แต่ควรใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ไม่ควรใช้ทุกวันหรือใช้บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหน้าเกิดความระคายเคืองได้

4. อย่ามองข้ามอุณหภูมิของน้ำ

มีความเชื่อกันว่าการใช้น้ำร้อนๆ ล้างหน้า ช่วยให้รูขุมขนขยาย ทำให้สามารถล้างหน้าได้สะอาดมากยิ่งขึ้น

แต่จริงๆ แล้วการใช้น้ำร้อนทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น และในผู้ที่เป็นสิวอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

อย่างไรก็ดี หากใช้น้ำเย็นจัดล้างหน้า ก็อาจทำให้ผิวเสียสมดุลได้เช่นกัน

ดังนั้น การล้างหน้าจึงควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ หรือการใช้น้ำอุ่นล้าง

ขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกวิธี

หลังจากทราบแล้วว่าปัจจัยใดบ้างที่ควรคำนึงถึงในการล้างหน้า มาถึงขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกวิธีนั้นสามารถปฏิบัติตามได้ดังต่อไปนี้

1. ล้างหน้ามือก่อนการล้างหน้าทุกครั้ง

แน่นอนว่าก่อนที่จะทำความสะอาดหน้าได้ สิ่งที่ใช้ล้างหน้าอย่างมือของเรา ควรที่จะต้องสะอาดเสียก่อน

2. ล้างเครื่องสำอางออกก่อน

ผู้ที่แต่งหน้า ก่อนที่จะเริ่มสู่ขั้นตอนการล้างหน้า ควรเช็ดหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางที่อ่อนโยนต่อผิวออกก่อนทุกครั้ง

เพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าทั่วไปอาจไม่สามารถขจัดเครื่องสำอางออกได้หมดจด

3. ชโลมหน้าเบาๆ ด้วยน้ำอุ่นๆ หรือน้ำอุณหภูมิปกติ

เพื่อชำระคราบเหงื่อไคล และฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่บนผิวหน้า

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

เพื่อชำระล้างคราบน้ำมันตามรู้ขุมขน ควรการนวดเบาๆ ไปบนใบหน้าตามแนวรูขุมขน ใช้เวลาประมาณ 15-20 วินาที

5. ปิดท้ายด้วยล้างน้ำเปล่า

โดยต้องมั่นใจว่าล้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าจนหมด เพื่อไม่ให้เกิดการตกค้างของสารเคมี หลังจากนั้นควรซับหน้าด้วยผ้าสะอาดเบาๆ ก่อนลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่อไป

จะเห็นได้ว่า การล้างหน้าไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องปรับความเข้าใจและให้เวลากับการล้างหน้ามากขึ้น

สิ่งสำคัญคือไม่ว่าคุณจะดูแลผิวหน้าด้วยครีมบำรุงหรือวิธีต่างๆ มากแค่ไหน แต่หากขั้นตอนพื้นฐานสำคัญอย่างการล้างหน้าถูกละเลยหรือทำไม่ถูกวิธี ก็ย่อมทำให้ผิวหน้าของคุณขาดความแข็งแรงและอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาได้ในที่สุด


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, เคล็ด(ไม่) ลับกับการดูแลผิวหน้า (ตอนที่ 1) (https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=996).
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, การล้างหน้าให้ถูกวิธี (https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/1379_1.pdf).
Healthline, 15 Do’s and Don'ts for Washing Your Face the Right Way (https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/face-washing-how-to#1), 19 December 2018.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)