การเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถเป็นกันได้ทุกคน จึงมักมีคำถามเสมอๆ ว่าควรจะซื้อประกันสุขภาพอย่างไรดี ถึงจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาได้อย่างคุ้มค่า และเหมาะสมกับเงินที่ต้องส่งเบี้ยประกันในแต่ละปี ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากมีเทคนิคการซื้อประกันสุขภาพมาเป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจดังนี้
เลือกรูปแบบการซื้อประกันสุขภาพให้เหมาะกับตัวเอง
บริษัทประกันในปัจจุบันมีหลายบริษัทและยังมีรูปแบบการให้ผลตอบแทนที่หลากหลาย ทำให้เรามีข้อเปรียบเทียบทั้งสวัสดิการที่ให้ เบี้ยประกัน และการคุ้มครองที่ครอบคลุม โดยการเลือกซื้อประกันสุขภาพจะต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้เสียก่อนว่า ต้องการผลตอบแทนเท่าไรให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของเรา รวมถึงรายได้ที่เรามีต่อเดือน
การศึกษาผลประโยชน์ที่ได้รับอย่างละเอียดจะเป็นผลดีอย่างยิ่ง เพราะเราจะได้เลือกใช้บริการในสถานพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายไม่เกินวงเงินคุ้มครอง จนต้องออกค่าส่วนต่างมากมายหลังการใช้บริการ อีกทั้งการส่งเบี้ยประกันยังมีทั้งแบบรายเดือน ราย 6 เดือน หรือแม้กระทั่งรายปี ซึ่งเราต้องเอารายได้ที่มีเป็นหลัก เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าที่สุดตามกำลังซื้อที่มีและสามารถส่งได้จนครบอายุสัญญา
เลือกจากผลตอบแทนด้วยการเปรียบเทียบ
หากเราไม่มีปัญหาในเรื่องของรายได้และสามารถส่งเบี้ยประกันที่สูงขึ้นมาได้ ก็จะช่วยตัดเรื่องเบี้ยประกันที่จะต้องจ่ายไปได้เลย แต่ควรหันมาสนใจเกี่ยวกับค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ อย่างเช่นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าชดเชยจากการเป็นผู้ป่วยนอก หรือผลประโยชน์อื่นๆ ที่พึงจะได้รับจากการซื้อประกันสุขภาพมากกว่า
โดยการที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างคุ้มค่า ให้เลือกบริษัทที่มีเบี้ยประกันต้องส่งใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ ว่าบริษัทใดให้ค่าตอบแทนสูงกว่าก็ควรเลือกบริษัทนั้น
ไม่ควรเลือกประกันที่คุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยนอก
ถึงแม้ในชีวิตจริงคนเรามักจะมีอัตราการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ สูงกว่าการเจ็บป่วยหนัก การเลือกซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทที่ให้ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) เสริมด้วยในข้อนี้ มักมีแค่บางบริษัทเท่านั้นที่ครอบคลุมผู้ป่วยนอกด้วยการจัดทำขึ้นมาขายเป็นพิเศษ ซึ่งเบี้ยประกันจะสูงกว่าแบบคุ้มครองผู้ป่วยในมาก
การซื้อประกันสุขภาพจึงควรมุ่งเน้นคุ้มครองการเจ็บป่วยหนักๆ ที่อาจกระทบกับเงินออมก้อนใหญ่ ส่วนการเจ็บป่วยเล็กๆ ควรออกค่าใช้จ่ายและรับความเสี่ยงไว้เองดีกว่า เพื่อป้องกันการส่งเบี้ยประกันสูงเกินไป
ควรเลือกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน
ควรศึกษาว่าประกันสุขภาพที่จะตัดสินใจซื้อมีโรงพยาบาลเครือข่ายใกล้บ้านหรือไม่ เพราะหากเราเจ็บป่วยกะทันหันก็จะเป็นการดีไม่น้อย ถ้ามีโรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการเดินทาง เพื่อที่จะได้รับการบริการอย่างรวดเร็วที่สุด และไม่ต้องสำรองจ่ายก่อนแล้วค่อยมาเบิกคืนทีหลัง
อีกทั้งยังควรต้องเช็คอัตราค่ารักษาหลักๆ ที่บริษัทประกันต้องจ่าย อย่างเช่นค่าห้อง ค่ารักษาของแพทย์ หรือในกรณีที่เป็นโรคร้ายแรงจะมีค่าผ่าตัดอยู่ที่เท่าไร โดยอาจใช้วิธีสอบถามสถานพยาบาลแห่งนั้นเลยก็ได้ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาอย่างคร่าวๆ ก่อนตัดสินใจ และจะได้ซื้อประกันสุขภาพในราคาที่มีค่าชดเชยใกล้เคียงกับความจริงของตัวเรามากที่สุด รวมทั้งไม่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายหลังหักส่วนต่างภายหลังคราวละมากๆ อีกด้วย
เลือกซื้อประกันสุขภาพให้ครอบคลุมในความเสี่ยงอื่นๆด้วย
กรณีที่ทุพพลภาพจนไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและขาดรายได้ ในขณะที่ยังมีภาระต้องใช้เงินอีกมากแบบนี้ จึงควรพิจารณาซื้อประกันสุขภาพสำหรับกรณีเกิดโรคร้ายแรง และประกันสุขภาพที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการเจ็บป่วยที่เกิดจากอุบัติเหตุให้ครอบคลุมเกือบทุกความเสี่ยงไว้ด้วย ถ้าเบี้ยประกันสูงเกินไปก็ควรพิจารณาให้เหมาะกับรายได้ที่เรามี โดยไม่จำเป็นต้องซื้อให้ครบทุกแบบตามที่บริษัทประกันมี
การเลือกซื้อประกันสุขภาพสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมาก ควรเลือกความคุ้มครองเบื้องต้นที่รองรับความเสี่ยงไว้บ้าง เพื่อแบ่งเบาภาระโดยไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมด สำหรับผู้ที่มีรายได้สูงก็สามารถซื้อแบบครอบคลุมทุกความเสี่ยงได้เลย โดยพิจารณารายละเอียดของแต่ละบริษัทให้เหมาะสมกับความต้องการของเรานั่นเอง