อาการเลือดออกมีอยู่ 4 ประเภท คือแบบเบา แบบปานกลาง แบบหนัก และแบบกะปริดกะปรอย ที่ถูกนิยามว่าเป็นการมีเลือดออกนอกเหนือช่วงเวลาประจำเดือนตามปกติ เช่น การมีเลือดออกก่อนหรือหลังมีประจำเดือน
การเลือดออกกะปริดกะปรอยสามารถเกิดได้จากระบบสืบพันธุ์ส่วนต้นของผู้หญิง เช่น มดลูก หรือระบบสืบพันธุ์ส่วนท้าย เช่น ปากมดลูก หรือช่องคลอด ขึ้นอยู่กับระดับความหนักเบาของเลือดที่ออกมา
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุทั่วไปของการมีเลือดออกกะปริดกะปรอย
การมีเลือดออกกะปริดกะปรอย อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุดังนี้
- การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน : การมีเลือดออกนอกเหนือประจำเดือน เป็นผลข้างเคียงทั่วไปของการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน เช่น Hormonal IUD กับยา Mini-Pill โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่เดือนแรกหลังเริ่มคุมกำเนิด แต่หากคุณกำลังใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานร่วมด้วย อาการเลือดออกกะปริดกะปรอยจะสามารถหายไปเองภายใน 2-3 เดือนได้ ถ้าเวลาผ่านไปแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อขอเปลี่ยนยาคุมกำเนิดที่มีระดับฮอร์โมน Estrogen ต่างจากเดิม
- การตั้งครรภ์ : อาการเลือดออกกะปริดกะปรอย เป็นอาการทั่วไปของการตั้งครรภ์อ่อนๆ ซึ่งมีอีกชื่อเรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation Bleeding) โดยผู้หญิงที่มีอายุครรภ์ระหว่าง 5-8 สัปดาห์ ประมาณ 25% จะมีอาการเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม อาการเลือดออกกะปริดกะปรอยสามารถเป็นอาการของการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ (Ectopic Pregnancy) โดยการตั้งครรภ์ดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นบริเวณท่อนำไข่แทนที่จะเป็นมดลูก ภาวะนี้ทำให้มีอาการเลือดออกร่วมกับอาการอื่น ๆ ซึ่งผู้ที่มีภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูกควรเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
- ภาวะทางร่างกายและการติดเชื้อ: อาการเลือดออกกะปริดกะปรอยสามารถเกิดจากการติดเชื้อและความเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธุ์ หรือความไม่สมดุลทางฮอร์โมนได้ โดยภาวะทางร่างกายที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยมีทั้งเนื้องอก (Fibroids) ติ่งเนื้อมดลูกหรือคอมดลูก (Uterine or Cervical Polyps) หรือภาวะ Cesarean Scar Defects
- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease (PID)) : เกิดขึ้นจากการติดเชื้อที่เชิงกรานบางประเภท โดยอาการอื่นๆ ของ PID มีทั้งอาการปวดที่ท้องน้อย มีของเสียออกจากช่องคลอดอย่างผิดปกติ, และเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections (UTIs)) : ภาวะนี้สามารถทำให้มีเลือดออกจากมดลูกได้ด้วย โดยอาการของ UTI คืออาการเจ็บปวดขณะปัสสาวะพร้อมมีเลือดปริมาณเล็กน้อย
- ปัญหาเกี่ยวกับการตกไข่หรือฮอร์โมน : อาการเลือดออกกะปริดกะปรอยสามารถเกิดขึ้นในช่วงที่มีการตกไข่ในบางคน โดยภาวะเช่นนี้อาจเกิดจากฮอร์โมน Estrogen ที่ลดลงอย่างรวดเร็วหลังการตกไข่ ก่อนที่จะมี Progesterone เพิ่มขึ้น
ส่วนการมีเลือดออกกะปริดกะปรอยหลังมีเพศสัมพันธ์ (Postcoital Spotting) มักเกิดจากปัญหาที่ปากมดลูก เช่น ติ่งเนื้อ หรือรอยโรค หากสังเกตว่าตัวเองมีอาการนี้ให้ปรึกษากับแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งปากมดลูกได้
ที่มาของข้อมูล
What is spotting? (https://helloclue.com/articles/cycle-a-z/what-is-spotting), 6 ตุลาคม 2017