การทำรีแพร์ (Repair) คือการผ่าตัดซ่อมแซมช่องคลอด ด้วยการตกแต่งเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อในช่องคลอดที่มีความหย่อนยานจากการคลอดบุตร หรือจากภาวะบางอย่างให้กลับมากระชับดังเดิม ซึ่งการผ่าตัดชนิดนี้ช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ดได้ด้วย
ทำรีแพร์ มีวิธีไหนบ้าง?
การทำรีแพร์ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือการผ่าตัด และการทำเลเซอร์ แต่ละวิธีมีรายละเอียดดังนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
1. การทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัด
จะเป็นการผ่าเข้าไปตามแนวลึกของช่องคลอด ในบางรายอาจต้องผ่าตัดบริเวณเนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วยเพื่อให้มีการหดรัดที่ดีกว่าเดิม
การผ่าตัดจะเริ่มจากการวางยาสลบแก่ผู้ป่วย จากนั้นแพทย์จะกรีดเปิดแผลจากปากช่องคลอดไปตามแนวผนังช่องคลอดด้านหลัง แล้วตกแต่งซ่อมแซมเนื้อเยื่อด้วยวัสดุต่างๆ เพื่อให้ขนาดของช่องคลอดเล็กลงและกระชับกว่าเดิม
บางรายที่มีภาวะช่องคลอดหย่อนยานมาก แพทย์อาจใช้แผ่นตาข่ายใยสังเคราะห์มาช่วยเสริมความแข็งแรง และช่วยป้องกันไม่ให้ผนังช่องคลอดด้านหน้าหย่อนลงมา
การทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัด สามารถแบ่งได้อีก 2 ประเภท คือ
- การซ่อมแซมเฉพาะส่วนล่างของช่องคลอด ด้วยการตัดผนังช่องคลอดส่วนที่หย่อนลงมาออกไป แล้วเย็บเข้าหากันเพื่อให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลง
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดหย่อนยานไม่รุนแรง รวมถึงผู้ที่ช่องคลอดกว้าง ซึ่งอาจเกิดจากการคลอดบุตร - ทำรีแพร์แบบผ่าตัดใหญ่ เป็นการผ่าตัดซ่อมแซมผนังช่องคลอดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด หรือมดลูกหย่อนที่มีอาการรุนแรง เช่น มีก้อนตุงที่ปากช่องคลอด เป็นต้น
ปัจจุบันมักไม่ค่อยมีการทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัดแล้ว เว้นแต่ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรง หรือผู้ที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น เนื่องจากการทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัดมักจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บแผลหลังผ่าตัดหลายวัน และต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน
นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การตกเลือดหรือเสียเลือดมาก หากแพทย์ไม่ชำนาญ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างผ่าตัดจนทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และที่รุนแรงสุด คืออวัยวะเพศผิดรูปร่างไปจากเดิม
กระชับช่องคลอด ปรับสีผิวจุดซ่อนเร้นวันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 475 บาท ลดสูงสุด 90%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
2. การทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์
เป็นการนำเครื่องยิงเลเซอร์ขนาดเล็กใส่เข้าไปในช่องคลอด จากนั้นก็จะยิงเลเซอร์ตามระยะเวลาที่แพทย์ได้วางแผนไว้ ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีในการรักษาแต่ละครั้ง
เมื่อยิงเลเซอร์เข้าไปแล้ว ความร้อนที่ได้จากเลเซอร์จะไปกระตุ้นให้คอลลาเจนที่อยู่ตามเนื้อเยื่อช่องคลอดเกิดการหดตัวลง ขณะเดียวกันก็จะไปกระตุ้นให้เนื้อเยื่อสร้างคอลลาเจนและสารอีลาสติกใหม่ ซึ่งจะทำให้ภายในช่องคลอดหนาตัวขึ้นกว่าเดิม ผลที่ได้คือภายในช่องคลอดมีความแข็งแรง และกระชับเหมือนที่เคยเป็น
อย่างไรก็ตาม การทำรีแพร์ด้วยเลเซอร์อาจจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์เท่าการผ่าตัดที่มีการเย็บและซ่อมแซมเนื้อเยื่อไปเลย เพราะการยิงเลเซอร์เป็นการตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว จึงดูเหมือนกระชับขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ และยังมีราคาค่อนข้างสูงอีกด้วย
อาการทั่วไปของผู้ที่มีภาวะช่องคลอดหย่อนยาน
อาการที่แสดงให้เห็นว่าช่องคลอดหย่อนยาน มีดังนี้
- ขณะที่มีเพศสัมพันธ์ จะมีเสียงคล้ายเสียงผายลมออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเกิดจากการหย่อนยานของช่องคลอด หากมีอาการรุนแรงอาจพบเสียงดังกล่าวเวลาพลิกตัวตะแคงข้างด้วย
- ความสุขในเรื่องเพศสัมพันธ์ลดลง หรือยากที่จะถึงจุดสุดยอด
- ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะและผายลมได้ เมื่อไอ จาม หรือกระโดดอาจพบอาการปัสสาวะเล็ด
- มีก้อนเนื้อตุงที่ปากช่องคลอด หรือยื่นพ้นปากช่องคลอดที่ไม่ใช่ริดสีดวง ซึ่งเกิดจากผนังช่องคลอดด้านหลังอ่อนแอจึงทำให้มีเนื้อเยื่อหย่อนลงมา
- มีอาการท้องผูกเป็นเวลานาน หรือท้องผูกเรื้อรัง
สาเหตุของการมีภาวะช่องคลอดหย่อนยาน
ภาวะช่องคลอดหย่อนยานอาจเกิดได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้
- มีเพศสัมพันธ์บ่อยและใช้เวลานานในแต่ละครั้งติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี
- การคลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ โดยเฉพาะการคลอดบุตรหลายคน การคลอดบุตรที่มีน้ำหนักตัวแรกเกิดมากกว่า 3,500 กรัมขึ้นไป และการคลอดบุตรยากที่ต้องอาศัยเครื่องดูดสูญญากาศหรือใช้คีมช่วยคลอด
- มีอายุมากขึ้น หรือเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทอง
- มีน้ำหนักตัวน้อย หรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไป
- ทำงานประจำที่ต้องเกร็งช่องท้องบ่อย เช่น ยกของหนัก
- มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ท้องผูกรุนแรง หรือเป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการไอรุนแรง จึงทำให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
- มีภาวะทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ ทำให้มีปัญหากับการปัสสาวะ
แม้จะไม่เคยผ่านการมีบุตร หรือเคยคลอดบุตรด้วยการผ่าคลอด ก็อาจเกิดภาวะช่องคลอดหย่อนยานได้ หากมีปัจจัยดังที่กล่าวมาข้างต้น
วิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการทำรีแพร์
ก่อนการทำรีแพร์ คุณควรเตรียมตัวตามหลักต่อไปนี้เพื่อให้การผ่าตัดหรือเลเซอร์ได้ผลดีและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
- ไม่ควรเข้ารับการทำรีแพร์ในช่วงเวลา 7 วัน ก่อนและหลังมีประจำเดือน เพราะอาจมีการปนเปื้อนและทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้
- ผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด ต้องงดน้ำและอาหารทุกชนิดก่อนเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- งดใช้ยาทุกชนิดก่อนเข้ารับการรักษา โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อเลือด เช่น แอสไพริน
- หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้อาหาร ต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนทำการรักษา
การดูแลตัวเองหลังการทำรีแพร์
เพื่อให้การทำรีแพร์ได้ผลดี และปลอดภัยต่อสุขภาพ คุณควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 45 วัน หรือจนกว่าจะมั่นใจว่าแผลหายสนิท
- หลังการรักษาอาจพบเลือดซึมออกจากแผลบ้าง สามารถใส่ผ้าอนามัยให้ดูดซับเลือดจนกว่าเลือดจะหยุดไหลได้
- ภายใน 3-5 วันแรงหลังการรักษา ผู้ป่วยอาจรู้สึกตึงแผล จึงอาจทำให้ปวดหน่วงๆ ที่ก้นคล้ายปวดอุจจาระ สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ตามปกติ เมื่อเวลาผ่านไปอาการปวดจะค่อยๆ ดีขึ้น
- พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ระหว่างนี้ให้หลีกเลี่ยงการยกของหนัก และเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันแผลแตก
- งดสูบบุหรี่ และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 เดือนหลังผ่าตัด
- หลังอาบน้ำทุกครั้ง ควรทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการอับชื้นการและการติดเชื้อแบคทีเรีย
- หากพบอาการผิดปกติ เช่น รอบบาดแผลบวมแดง ช้ำเขียว หรือปัสสาวะไม่ออก ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที
บทความที่เกี่ยวข้อง
รีวิว เลเซอร์กระชับช่องคลอด (รีแพร์ด้วยเลเซอร์) ที่ The Skin Clinic | HDmall