กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

ผื่นที่เป็นอาการเริ่มต้นของการติดเชื้อ HIV

ทำความเข้าใจการเกิดผื่นเมื่อติดเชื้อไวรัส HIV รุนแรงขนาดไหน รักษาอย่างไรดี
เผยแพร่ครั้งแรก 21 ต.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ผื่นที่เป็นอาการเริ่มต้นของการติดเชื้อ HIV

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ผื่น เป็นหนึ่งในอาการเมื่อเกิดการติดเชื้อไวรัส HIV ขึ้น อาการมักจะเกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกหลังได้รับเชื้อ
  • อาการผื่นไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในอาการของการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นอาการที่เกิดได้จากยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV ด้วย
  • ผื่น สามารถทำให้เกิดอาการคันได้ทั่วร่างกาย อีกทั้งผื่นบางชนิดยังอาจมีอาการรุนแรงได้ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
  • วิธีรักษาอาการผื่นโดยทั่วไปจะเป็นการรักษาโดยใช้ยา ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดผื่น แต่ผื่นที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV นั้น จะต้องรักษาโดยการรักษาภูมิคุ้มกัน และควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสลุกลามหนักกว่าเดิม
  • หากคุณคิดว่า ตนเองอาจได้รับเชื้อไวรัส HIV เข้าสู่ร่างกาย คุณควรรีบไปตรวจหาเชื้อโดยเร็วที่สุดกับแพทย์ เพื่อจะได้รีบหาวิธีรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ (ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่นี่)

ผื่น เป็นอาการของการติดเชื้อไวรัส HIV ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกหลังจากที่ได้รับเชื้อไวรัส แต่ผื่นนี้ก็มักจะถูกเข้าใจว่า เป็นผื่นของการติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นเช่นเดียวกับอาการในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อ HIV อื่นๆ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะระบุผื่นชนิดนี้ และวิธีการรักษาจึงสำคัญ

สาเหตุที่ทำให้เกิดผื่น

90% ของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus: HIV) จะมีอาการทางผิวหนังในบางระยะของการเป็นโรค ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อาการผื่นขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนมาจากการติดเชื้อไวรัส HIV โดยตรง หรืออาจเกิดจากผลข้างเคียงของการใช้ยาที่รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV ก็ได้

ยาที่รักษาโรค HIV

ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ที่สามารถทำให้เกิดผื่นได้

  1. Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs) เช่น Nevirapine (Viramune) เป็นยาที่ทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนังได้บ่อยที่สุด
  2. Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTI) เช่น Abacavir (Ziagen)
  3. Protease inhibitors (PIs) เช่น amprenavir (Agenerase) และ tipranavir (Aptivus)

อาการที่ต้องสังเกต

ไม่ว่าผื่นนั้นจะเกิดจากการใช้ยา หรือจากตัวเชื้อไวรัส HIV เองก็ตาม ผื่นนั้นมักจะเป็นผื่นแดงแบนบนผิวหนังที่มีตุ่มนูนแดงอยู่ด้านบน

อาการหลักของผื่น ก็คือ อาการคัน ซึ่งสามารถขึ้นได้ที่ร่างกายส่วนใดก็ได้ แต่มักจะพบที่ใบหน้า และหน้าอก และบางครั้งอาจจะพบที่เท้า และมือ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดแผลที่ปากได้อีกด้วย

ความรุนแรงของผื่น

ผื่นบางชนิดอาจจะมีอาการไม่รุนแรง ในขณะที่บางอันอาจจะทำให้เกิดการทำลายผิวหนังอย่างรุนแรง และทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

หนึ่งในผื่นที่พบได้น้อยแต่รุนแรงซึ่งอาจเกิดจากการใช้ยา จะเรียกว่า "ผื่นกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome: SJS)" และเมื่อผื่นชนิดนี้มีอาการมากกว่า 30% ของร่างกาย จะเรียกว่า "Toxic Epidermal Necrolysis"

อาการของกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน ประกอบด้วย

  • ตุ่มน้ำบนผิวหนังและเยื่อบุ
  • ผื่นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • มีไข้
  • ลิ้นบวม

การรักษา

การควบคุมไวรัส และการรักษาภูมิคุ้มกันจะช่วยทำให้อาการทางผิวหนังนั้นไม่รุนแรง และพบได้น้อยลง ทั้งยังทำให้ผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อนั้นสามารถรักษาได้ง่ายขึ้น

การรักษาที่ใช้มากที่สุดก็การใช้ยา โดยขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่น การใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) หรือ diphenhydramine (Benadryl) นั้นอาจจะช่วยลดอาการคัน และขนาดของผื่นได้ ผื่นที่รุนแรงกว่านั้นอาจจะต้องใช้ยาที่แพทย์สั่งจ่าย

การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต

นอกเหนือจากการใช้ยาแล้ว การปรับวิธีการใช้ชีวิตบางอย่างก็อาจช่วยลดอาการของการเกิดผื่นที่ไม่รุนแรงได้ โดยผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงความร้อน น้ำร้อน การโดนแดดโดยตรงเพื่อให้ผื่นดีขึ้น 

บางครั้ง การเริ่มยาตัวใหม่ ลองสบู่ หรืออาหารใหม่ๆ นั้นอาจจะเกิดขึ้นพร้อมกับผื่นได้ ในกรณีเหล่านี้ ผื่นนั้นอาจจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ได้ ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัส HIV ควรไปพบแพทย์ หากสังเกตเห็นผื่นขึ้นตามร่างกายและไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร

เมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์

ผู้ที่ไม่แน่ใจว่าสาเหตุของผื่นนั้นมาจากอะไร และคิดว่าตัวเองอาจจะได้รับเชื้อไวรัส HIV ก็ควรไปพบแพทย์ และแจ้งอาการที่เกิดขึ้นเพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้น

เชื้อไวรัส HIV มักจะติดต่อหากันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อนี้ คุณจึงต้องรู้จักป้องกันตนเอง สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ อย่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ไม่ใช้ยาเสพติด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อไวรัส HIV 

ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


8 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Patient education: Symptoms of HIV infection (Beyond the Basics). UpToDate. (https://www.uptodate.com/contents/symptoms-of-hiv-infection-beyond-the-basics)
Types of Rash Associated With an HIV Infection. Verywell Health. (https://www.verywellhealth.com/what-does-an-hiv-rash-look-like-49572)
HIV rash: Types, other symptoms, changes. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/315963)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป