ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชานมไข่มุก (Pearl milk tea) เป็นหนึ่งในเครื่องยอดฮิตของคนทุกเพศทุกวัย ดังจะเห็นได้ว่ามีร้านชานมไข่มุกหลายยี่ห้อให้เลือกซื้ออยู่ทั่วไปทั้งในห้างสรรพสินค้าและตามย่านชุมชนต่างๆ
ตัวผงชาที่ร้านชานมหลายแห่งนำมาใช้ชงเป็นเครื่องดื่มชานมไข่มุกนั้นแตกต่างกันไปตามสูตรของแต่ละร้าน บางร้านใช้ใบชาในการชงชาเพื่อให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอม เช่น ชาแดง ชาอู่หลง แต่บางร้านก็ใช้ผงชาสำเร็จรูปเพื่อให้ง่ายต่อการต้มชาในปริมาณมาก
ตรวจเบาหวานวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ในชานมไข่มุก 1 แก้วมีสารอาหาร หรือมีประโยชน์อะไรต่อร่างกายบ้าง
แคลอรีและสารอาหารในชานมไข่มุก
โดยเฉลี่ย ชานมไข่มุก 1 แก้วจะให้พลังงานประมาณ 278-500 แคลอรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดแก้ว ระดับความหวาน นมสด น้ำตาล ปริมาณไข่มุก และท้อปปิ้งอื่นๆ ที่เพิ่มลงไปด้วย
ตัวอย่างเช่น ชานมไข่มุกขนาด 16 ออนซ์ จะให้พลังงานประมาณ 263-278 แคลอรี ให้ไขมัน 0.6 กรัม น้ำตาล 38 กรัมคาร์โบไฮเดรต 68 กรัม และโปรตีน 1.2 กรัม
หรือหากลองเปลี่ยนเป็นชานมไข่มุกขนาดแก้วกลาง หรือไซส์ M ขนาด 22 ออนซ์ก็อาจให้พลังงานถึงประมาณ 352 แคลอรี โดยให้ไขมัน 8 กรัม คาโบไฮเดรต 68 กรัม และโปรตีน 2 กรัม
กินชานมไข่มุกแล้วอ้วนไหม?
โดยปกติ เราทุกคนจะต้องได้รับพลังงานจากอาหารเพื่อนำไปใช้งานในกิจกรรมระหว่างวัน โดยผู้ชายควรได้รับพลังงานประมาณ 2,000-2,300 กิโลแคลอรี ส่วนผู้หญิงควรได้รับพลังงานประมาณ 1,600-2,000 กิโลแคลอรี
จากปริมาณพลังงานชานมไข่มุก 1 แก้วที่กล่าวไปด้านบน หากรับประทานแบบนานๆ ครั้งและไม่เกินวันละ 1 แก้ว ก็ถือว่าไม่ได้เสี่ยงทำให้เกิดภาวะอ้วน (หากน้ำหนักและส่วนสูงยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม)
ตรวจเบาหวานวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แต่หากรับประทานชานมไข่มุกบ่อยๆ หรือรับประทานมากกว่า 1 แก้วต่อวัน มีการเพิ่มระดับความหวาน และผู้รับประทานเองก็ไม่ได้ทำกิจกรรมใดๆ ที่ช่วยเผาผลาญพลังงานซึ่งได้รับจากชานมไข่มุก
ไขมันและน้ำตาลจากพลังงานเหล่านั้นก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้คุณน้ำหนักเพิ่มขึ้นและเกิดภาวะอ้วนได้
ถึงแม้คุณจะไม่ได้สั่งเพิ่มระดับความหวานเพิ่ม แต่ในชานมไข่มุกหลายยี่ห้อก็ใส่น้ำตาลลงไปในแก้วชานมไข่มุก 1 แก้วมากถึง 18 ช้อนชา ทั้งๆ ที่คนทั่วไปนั้นควรรับน้ำตาลไม่ควรเกิน 4, 6 และ 8 ช้อนชา ในผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 1600, 2000 และ 2400 กิโลแคลอรีตามลำดับ
ดังนั้นชานมไข่มุกจึงถือเป็นเครื่องดื่มที่เสี่ยงทำให้เกิดภาวะอ้วน หรือเป็นโรคเบาหวานได้ หากรับประทานมากบ่อยจนเกินไป
เฉพาะเม็ดไข่มุก ให้พลังงานกี่แคลอรี?
หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่า แค่ในส่วนของเครื่องดื่มชานมให้พลังงานแคลอรีไม่น้อย และในส่วนของเม็ดไข่มุกที่เติมลงไปนั้นก็ให้พลังงานไม่น้อยด้วยเช่นกัน
เม็ดไข่มุกซึ่งใส่ในชานมนั้นทำมาจากแป้งมันสำปะหลังกับน้ำตาล เพื่อให้มีรสชาติหวานและมีเนื้อหนืดน่าเคี้ยว
ตรวจเบาหวานวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ในชานมไข่มุกขนาด 16 ออนซ์ที่ให้พลังงานประมาณ 263-278 แคลอรี แค่ในส่วนของพลังงานจากไข่มุกอย่างเดียวก็มากถึง 78-180 แคลอรีแล้ว และยังมีปริมาณน้ำตาลมากถึงประมาณ 7 กรัมเลยทีเดียว
นอกจากไข่มุกแล้วยังมีท้อปปิ้งอื่นๆ ที่สามารถเลือกเติมลงไปในแก้วชานมได้ เช่น เจลลี่ พุดดิ้ง ซึ่งท้อปปิ้งเหล่านี้ มีหลายชนิดที่ให้พลังงานและน้ำตาลมากกว่าไข่มุกเสียอีก
ตัวอย่างท้อปปิ้งยอดนิยม เช่น พุดดิ้ง ให้ปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 18 กรัมต่อแก้วเลยทีเดียว
ชานมไข่มุก 1 แก้วให้พลังงานเท่ากับอาหารอะไรบ้าง?
หากยังมองไม่เห็นภาพว่า ชานมไข่มุก 1 แก้วให้พลังงานเท่ากับขนม หรือกับข้าวอะไรที่รับประทานในชีวิตประจำวัน HD มีตัวอย่างอาหารมาเปรียบเทียบ
- ข้าวมันไก่ 1 จาน = 597 กิโลแคลอรี
- แคบหมู (ไม่มีมัน) = 515 กิโลแคลอรี
- ลูกชิ้นหมูทอด = 372 กิโลแคลอรี
- ก๊วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ = 335 กิโลแคลอรี
- ไก่ผัดขิง = 210 กิโลแคลอรี
- ผัดไทยใส่ไข่ = 577 กิโลแคลอรี
- ขนมจีนน้ำยา = 332 กิโลแคลอรี
- มัสมั่นไก่ = 327 กิโลแคลอรี
- ขนมชั้น = 276 กิโลแคลอรี
- ขนมฝอยทอง = 431 กิโลแคลอรี
- ทุเรียนหมอนทอง = 326 กิโลแคลอรี
เมื่อเห็นปริมาณพลังงานจากอาหารด้านบน หากคุณรับประทานอาหารเหล่านี้แล้วรับประทานชานมไข่มุกตามไปอีก 1 แก้ว จะเห็นได้ว่า เพียงแค่อาหาร 2 อย่างก็แทบจะให้พลังงานในปริมาณที่ต้องใช้ทั้งวันแล้ว
ข้อควรระวังในการรับประทานชานมไข่มุก
นอกจากเรื่องปริมาณน้ำตาลและแคลอรีดังกล่าวไปแล้ว การรับประทานชานมไข่มุกยังอาจก่อผลเสียต่อร่างกายด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น
1. ทำให้เกิดพฤติกรรมติดหวาน
ชานมไข่มุกสามารถหาซื้อได้ง่ายแทบจะทั่วทุกมุมถนน หลายคนจึงอาจคุ้นชินในการรับประทานชานมไข่มุกเรื่อยๆ จนเคยตัว และกลายเป็นพฤติกรรมติดหวานจนเลิกได้ยาก
2. ปัญหาฟันผุ
เพราะในชานมไข่มุกนั้นมีทั้งนมข้น ผงน้ำตาล น้ำหวานจากใบชา ตัวเม็ดไข่มุกที่มีรสหวานอยู่แล้ว เมื่อรับประทานเข้าไป คราบน้ำตาลก็จะไปติดตามซอกฟัน ส่งผลให้เสี่ยงเกิดปัญหาฟันผุได้
ปัญหานี้อาจได้มากในเด็ก หรือผู้ที่ชอบรับประทานชานมไข่มุกแล้วแปรงฟันไม่สะอาด หรือรับประทานชานมไข่มุกบ่อยๆ จนสุขภาพช่องปากไม่ดี
ผู้ปกครองจะต้องคอยหมั่นย้ำเตือนบุตรหลานแปรงฟันให้สะอาดทุกครั้ง และไม่ควรซื้อชานมไข่มุกให้เด็กรับประทานบ่อยๆ
3. ส่งผลต่อสมาธิ และภาวะอารมณ์
ชานมไข่มุกมีส่วนผสมของคาเฟอีนซึ่งเป็นสารที่มีในเครื่องดื่มประเภทชา ผู้ที่ไวต่อสารคาเฟอีนจึงอาจได้รับผลกระทบทำให้ไม่มีสมาธิทำงาน เกิดอารมณ์หงุดหงิดหรือใจสั่นได้
4. อาจส่งผลต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้
ในชานมไข่มุก มีคาเฟอีน ซึ่งคาเฟอีนจะสร้างกลไก 2 อย่างที่มีผลทำให้
- ขัดขวางการสร้างมวลกระดูกใหม่
- ลดความหนาแน่นของมวลกระดูก
ปริมาณการดื่มกาแฟที่ไม่มากเกินไปคือ คาเฟอีน 80 มิลลิกรัม หากบริโภคแต่น้อย มวลกระดูกที่สูญเสียไปจากการบริโภคกาแฟอาจไม่ได้มีนัยสำคัญจนทำให้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนได้
5. เสี่ยงเกิดภาวะอ้วน และโรคเบาหวาน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ชานมไข่มุกให้พลังงาน ไขมัน และน้ำตาลค่อนข้างสูง หากรับประทานบ่อยๆ โดยไม่ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานออกไป ก็จะทำให้ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินจนเกิดโรคตามมา
นอกจากภาวะอ้วนกับโรคเบาหวานแล้ว ไขมันและน้ำตาลจากชานมไข่มุกยังอาจทำให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ ตามมาได้อีก เช่น โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด
6. เกิดอาการเจ็บป่วยจากปริมาณสารกันบูดที่มากเกินไป
ในชานมไข่มุกหลายยี่ห้อมีการใส่สารกันบูดเข้าไปเกินมาตรฐาน ซึ่งสารกันบูดนั้นมีโทษต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น อาหารเป็นพิษ ตับและไตทำงานหนักเกินไป เป็นโรคภูมิแพ้ เกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ
ชานมไข่มุกไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่เป็นอันตรายถึงขั้นห้ามรับประทาน อีกทั้งในเครื่องดื่มประเภทชายังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย
แต่เมื่อเทียบกับปริมาณไขมันที่ได้รับจากเครื่องดื่มชนิดนี้ รวมถึงปริมาณสารอาหารประเภทอื่นๆ ที่รวมอยู่ ชานมไข่มุกถือเป็นอาหารที่ไม่ได้ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากนักจึงควรรับประทานแต่พอดี
ดังนั้นหากต้องการความหวาน คุณอาจลองหันไปหาเครื่องดื่มที่ประกอบไปด้วยน้ำตาลจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำผลไม้ 100% หรือรับประทานผลไม้สดแทนบ้าง
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจเบาหวาน จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android