การนำเอ็มบริโอที่เก็บใหม่และเอ็มบริโอเก็บแช่แข็งเข้าสู่มดลูก คืออะไร?
ในขั้นตอนการทำ IVF (In Vitro Fertilization) จนถึงขั้นตอนการนำเอ็มบริโอเข้าสู่มดลูก จะมีให้เลือก 2 วิธี ได้แก่
- ใช้เอ็มบริโอที่เก็บใหม่ โดยจะนำเอ็มบริโอที่ดีที่สุดเข้าสู่มดลูกภายใน 3 - 5 วันหลังการเก็บ ส่วนเอ็มบริโอที่เหลือจะถูกเก็บแช่แข็งเผื่อไว้ใช้ในอนาคต
- เก็บเอ็มบริโอทั้งหมดแช่แข็งทันที รวมถึงเอ็มบริโอที่ดีที่สุดด้วย แล้วจึงนำเข้าสู่มดลูกภายหลัง
ในบางกรณี ผู้ที่เข้ารับการทำ IVF จะทราบล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บเอ็มบริโอแช่แข็งไว้ก่อน แล้วจึงนำเข้าสู่มดลูกภายหลัง (เช่น ในผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS หรือคนที่ต้องการตรวจ PGS)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ข้อดี และ ข้อเสีย ของการใช้เอ็มบริโอเก็บแช่แข็งเทียบกับเอ็มบริโอที่เก็บใหม่
เอ็มบริโอเก็บแช่แข็ง |
เอ็มบริโอที่เก็บใหม่ |
---|---|
+ มีอัตราความสำเร็จสูงกว่า ในผู้หญิงที่
+ ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้มีภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป หรือ OHSS + การตรวจ PGS ในเอ็มบริโอทำได้ง่ายกว่า - มีข้อมูลการศึกษาระยะยาวเพียงจำนวนน้อย - มีปัจจัยเสี่ยงต่อความผิดปกติแรกคลอด |
+ ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า + ประหยัดเวลามากกว่า (หลายเดือน) + มีการศึกษาระยะยาวรองรับ - ในหลายๆ กลุ่มประชากร พบว่ามีอัตราความสำเร็จต่ำ และเสี่ยงต่อภาวะ OHSS ได้เช่นกัน - มีปัจจัยเสี่ยงต่อความผิดปกติแรกคลอด |
เหตุผลที่ควรใช้เอ็มบริโอเก็บใหม่
มีแพทย์จำนวนมากที่นิยมนำเอ็มบริโอเก็บใหม่เข้าสู่มดลูกทันทีมากกว่า ด้วยเหตุผลดังนี้
- ยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการแช่แข็งเอ็มบริโอที่ทันสมัย
เทคนิคในการแช่แข็งเอ็มบริโอ (โดยใช้วิธี Vitrification แทนการทำให้แข็งอย่างช้าๆ) ได้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วง 15 ปีให้หลัง จึงอาจทำให้มีการศึกษาระยะยาวเกี่ยวกับเทคนิคนี้ค่อนข้างน้อย และไม่แน่ใจในประสิทธิผลเท่าที่ควร - ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์และการคลอด
มีข้อมูลว่า ทารกที่เกิดจากเอ็มบริโอเก็บแช่แข็งจะมีน้ำหนักตัวแรกคลอดสูง และการตั้งครรภ์จากเอ็มบริโอเก็บแช่แข็ง ก็สัมพันธ์กับการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษด้วย จึงอาจทำให้แพทย์บางท่านรู้สึกกังวลที่จะใช้เอ็มบริโอแช่แข็ง - ความเสี่ยงที่จะสูญเสียเอ็มบริโอ หรือไม่สามารถนำเข้าสู่มดลูกได้
สิ่งที่แพทย์และผู้เข้ารับการทำ IVF กังวลไม่แพ้กัน คือเกรงว่าเอ็มบริโอจะเสียหายจากกระบวนการแช่แข็งเมื่อนำมาใช้ใหม่ และจะต้องกลับไปทำ IVF ตั้งแต่ขั้นตอนแรกใหม่อีกครั้ง - เงื่อนไขด้านการเงิน
การนำเอ็มบริโอเก็บใหม่เข้าสู่มดลูกทันทีมักมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการใช้เอ็มบริโอเก็บแช่แข็ง อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการทำ IVF ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เนื่องจากการทำ IVF แต่ละรอบมีค่าใช้จ่ายหลักแสนบาท และผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสร้างเอ็มบริโอได้ไม่เกินกว่า 3 เอ็มบริโอ ดังนั้น การนำเอ็มบริโอเข้าสู่มดลูกแต่ละครั้งจึงสำคัญมาก สำหรับคนที่ต้องการใช้เอ็มบริโอเก็บแช่แข็งเพื่อให้อัตราความสำเร็จสูงขึ้น ก็นับว่าสมเหตุสมผลกับเงินที่จ่ายไป - ช่วงเวลาและการจัดการ
ผู้เข้ารับการทำ IVF มักต้องการให้นำเอ็มบริโอที่เก็บใหม่เข้าสู่มดลูกทันที เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น และไม่อยากอดทนต่อการรอคอยแล้ว แต่การใช้เอ็มบริโอเก็บแช่แข็ง ก็จะเลื่อนเวลาไปเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น อย่าลืมว่า ผู้เข้ารับการทำ IVF ส่วนใหญ่ต้องทำ IVF ถึง 2-3 รอบ และใช้เวลานานกว่า 6-12 เดือน เพราะฉะนั้นหากเลื่อนไปอีก 1-2 เดือน แต่มีอัตราความสำเร็จมากขึ้นก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่
เหตุผลที่ควรใช้เอ็มบริโอเก็บแช่แข็ง
สาเหตุที่แพทย์มักแนะนำให้ใช้ใช้เอ็มบริโอแช่แข็งเข้าสู่มดลูก มีดังนี้
- รอช่วงที่มดลูกพร้อมต่อการฝังตัว
ขั้นตอนแรกของการทำ IVF ส่วนมาก คือการกระตุ้นรังไข่เพื่อให้เก็บไข่ได้จำนวนมาก แต่ผลจากการสร้างไข่จำนวนมาก ทำให้ระดับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสูงขึ้นกว่าปกติถึง 10 เท่า ถ้าหากเลือกใช้เอ็มบริโอเก็บใหม่ เมื่อถึงเวลาที่เอ็มบริโอเจริญและพร้อมจะนำเข้าสู่มดลูก มดลูกจะอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะแก่การฝังตัว และโอกาสการฝังตัวสำเร็จก็จะลดลง - เพิ่มโอกาสการฝังตัวของเอ็มบริโอในผู้หญิงที่มีภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
การกระตุ้นรังไข่จะทำให้ระดับเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้หญิงที่มีภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ มีการศึกษาจำนวนมากที่พบว่าการใช้เอ็มบริโอเก็บแช่แข็งจะให้ผลดีกว่าในผู้หญิงที่มีภาวะดังกล่าว เพราะการใช้เอ็มบริโอเก็บใหม่ จะต้องนำเข้าสู่มดลูกในช่วงที่รังไข่ถูกกระตุ้นสูง และระดับเอสโตรเจนยังคงสูงอยู่ ซึ่งอาจจะยังไม่พร้อมต่อการฝังตัว - เพิ่มโอกาสฝังตัวของเอ็มบริโอในผู้หญิงเชื้อสายเอเชีย และแอฟริกัน-อเมริกัน
การใช้เอ็มบริโอเก็บใหม่ในผู้หญิงเชื้อสายเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และแอฟริกัน-อเมริกัน มักให้ผลไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับผู้หญิงเชื้อสายคอเคเชียน แผนภาพด้านล่างนี้คือข้อมูลจากงานวิจัยขนาดเล็กโดย Stanford ซึ่งศึกษาในผู้หญิงเชื้อสายเอเชียใต้ (การศึกษาในผู้หญิงเชื้อสายเอเชียตะวันออกโดย UCSF ก็ให้ผลคล้ายกัน) พบว่า อัตราความสำเร็จจะลดลงชัดเจนเมื่อใช้เอ็มบริโอเก็บใหม่ แต่ไม่ลดลงเมื่อใช้เอ็มบริโอที่เก็บแช่แข็ง ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าผู้หญิงในกลุ่มนี้มีระดับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสูงกว่าชาติพันธุ์อื่น ในช่วงที่มีการกระตุ้นรังไข่ - เพิ่มโอกาสฝังตัวของเอ็มบริโอในผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่ (PCOS) และภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นเกินขนาด (OHSS)
มีข้อมูลว่าผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS รวมถึงมีความเสี่ยงต่อภาวะ OHSS (Ovarian Hyperstimulation Syndrome) หากใช้ไข่ที่เก็บแช่แข็งมักให้ผลดีกว่า มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือ (โดยใช้เอ็มบริโอในระยะแรกของการแบ่งตัว) ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine พบว่าผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS จะมีอัตราการคลอดทารกที่มีชีวิตรอดสูงขึ้น และโอกาสเกิดภาวะ OHSS ต่ำลง เมื่อใช้ไข่ที่เก็บแช่แข็งนำเข้าสู่มดลูกแพ็กเกจที่คุณอาจสนใจปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
กด
สามารถตรวจทางพันธุกรรมในเอ็มบริโอได้ง่าย
สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจทางพันธุกรรมในเอ็มบริโอ การเก็บเอ็มบริโอแช่แข็งแล้วค่อยนำเข้าสู่มดลูกภายหลัง จะช่วยให้การวางแผนจัดการง่ายกว่ามาก เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรจึงจะทราบผล ซึ่งจะพอดีกับระยะเวลาที่จะนำเอ็มบริโอแช่แข็งเข้ามดลูก
ที่มาของข้อมูล
Transferring Fresh or Frozen Embryos (https://www.fertilityiq.com/ivf-in-vitro-fertilization/transferring-fresh-or-frozen-embryos#the-basics-of-fresh-and-frozen-transfers)
IVF, IUI, ICSI, IMSI ฝากไข่ แช่แข็งไข่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 7760 บาท ลดสูงสุด 59%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!