ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องระมัดระวังระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือสูงเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วยได้ การตรวจระดับเลือดเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในวันนี้ HonestDocs จะพาไปทำความรู้จักภาวะน้ำตาลสูง (Hyperglycemia) ลักษณะอาการ วิธีการรักษา และการป้องกันอย่างถูกต้อง
ภาวะน้ำตาลสูง (Hyperglycemia) คืออะไร
ภาวะน้ำตาลสูง (Hyperglycemia) คือ ภาวะที่เลือดมีกลูโคสสูง หรือมีน้ำตาลในเลือดสูง เป็นสัญลักษณ์ของโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดจะผันผวนในแต่ละช่วงของวัน ซึ่งจะสูงขึ้นหลังมื้ออาหาร เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตจะถูกย่อยกลายเป็นกลูโคส (น้ำตาล) และระดับน้ำตาลจะต่ำลง หลังจากที่คุณออกกำลังกาย เพราะกลูโคสถูกเผาผลาญเมื่อคุณทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ระดับค่าน้ำตาลในเลือด
- คนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดจะคงที่อยู่ในช่วงที่ไม่เยอะมากระหว่างมื้ออาหาร ความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือดจะอยู่ที่ช่วง 60 ถึง 100 mg/dl (มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) หลังอาหารระดับน้ำตาลอาจอยู่ที่ 120 ถึง 130 mg/dl แต่มีน้อยมากที่จะเพิ่มสูงถึง 140 mg/dl
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ระดับน้ำตาลในเลือดสามารถเพิ่มสูงมากกว่านี้ เช่นจาก 200 ถึง 300 หรือ 400 mg/dl และจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกถ้าคุณไม่หาทางทำให้มันลดลง เช่น การออกกำลังกาย
อาการของภาวะน้ำตาลสูง (Hyperglycemia)
โรคภาวะน้ำตาลในเลือดสูงไม่ได้แสดงอาการให้เห็นเสมอไป การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยลักษณะอาการของโรคภาวะน้ำตาลสูง ได้แก่
- ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- กระหายน้ำเป็นอย่างมาก
- รู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย
- มองเห็นไม่ชัดเจน
- รู้สึกหิวแม้จะเพิ่งกินไป
- น้ำหนักลด
- ในกรณีที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการซึมจนกระทั่งหมดสติ หรือบางรายอาจจะมีอาการชักกระตุกด้วย
สาเหตุของภาวะน้ำตาลสูง (Hyperglycemia)
เมื่อคุณเป็นโรคเบาหวานแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุได้ ปัจจัยบางอย่างที่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่
- ลืมทานยาตามที่กำหนด ทานยาผิดเวลา หรือทานผิดขนาด
- ทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงกว่าที่ควรทาน
- อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ
- มีความเครียดทางอารมณ์
- ขาดการออกกำลังกาย
- ได้รับยาที่มีฤทธิ์ต้านอินซูลิน เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะบางชนิด
วิธีการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia)
เมื่อเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ควรปฏิบัติต้วดังนี้
- ดื่มน้ำแก้วใหญ่ 1 แก้ว
- ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว
หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 3 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัว
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิด Diabetic Ketoacidosis (DKA)
เป็นภาวะฉุกเฉินที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงและเกิดภาวะเลือดเป็นกรดมากผิดปกติจากการที่มีกรดคีโตนคั่งในร่างกาย ภาวะนี้พบได้ทั้งในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ซึ่งมีปัจจัยชักนำร่วมด้วย เช่น ภาวะติดเชื้อ การผ่าตัดหรือได้รับอุบัติเหตุ เป็นต้น
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงแบบสุดขีด Hyperosmolar Hyperglycemic State (HHS)
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงแบบสุดขีดนั้นสามารถทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Hyperosmolar Hyperglycemic State (HHS) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรักษาภายในโรงพยาบาล เมื่อเกิดภาวะ HHS ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงมากถึง 600 mg/dL และอาจเพิ่มสูงไปถึง 2,000 mg/dL
ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงมากๆ จะมาพร้อมกับภาวะขาดน้ำ (Dehydration) เลือดจะเริ่มข้น เพราะความเข้มข้นของน้ำตาลเพิ่มขึ้นขณะที่น้ำนั้นลดลง โดยปกติแล้ว ภาวะ HHS จะใช้เวลาหลายวันหรือเป็นอาทิตย์ในการก่อตัวขึ้น
สามารถป้องกันภาวะนี้ได้โดยการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ และรักษาระดับน้ำตาลที่สูงมากๆ ด้วยการใช้อินซูลินที่ออกฤทธิ์เร็ว (Rapid-acting insulin) ดื่มน้ำแก้วใหญ่ นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์ประจำเมื่อเกิดภาวะ HHS
ดิฉันได้เช็คค่านำ้ตาลในเลือดเมื่อวัน 29/01/2561 ได้ค่า107 คุณหมอบอกปริ่มๆ ให้คุมอาหารเองเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิน 100 แล้วดิฉันซื้อเครื่องวัด FreeStyle Optium Neo มาเพื่อเช็คค่าด้วยตัวเอง อ่านคู่มือแล้วพอเข้าใจ แต่ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เครื่องวัดเวลาใหนและถี่ห่างอย่างไร จึงอยากถามคุณหมอค่ะขอบพระคุณมา...