การคิดบวก (Positive thinking) เป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต การเรียน และการทำงาน
ผู้ที่ไม่มีทักษะในการคิดบวก มองโลกในแง่ลบ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า คนคิดลบ (Negative people) มักเป็นคนที่รู้สึกเครียดและหงุดหงิดง่ายไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรก็ตาม ทำให้ดูเป็นคนที่ไม่น่าเข้าใกล้ อีกทั้งความเครียดเรื้อรังยังส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจอีกด้วย
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การคิดบวกเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ โดยเริ่มต้นจากปรับความคิดของตัวเอง มองหาข้อดีของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เพียงเท่านี้คุณก็จะกลายเป็นคนคิดบวก (Positive people) ได้ไม่ยาก
ทำไมเราควรเป็นคนคิดบวก?
การคิดบวก เป็นหนึ่งในวิธีการจัดการความเครียด รวมไปถึงความรู้สึกเชิงลบต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ
ผู้ที่ไม่สามารถคิดบวกได้จะไม่สามารถจัดการกับความเครียดหรือความรู้สึกในเชิงลบได้ดีพอ ทำให้เกิดภาวะเครียดเรื้อรังได้ และเมื่อร่างกายตกอยู่ภายใต้ความเครียดเป็นระยะเวลานานก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน
ตัวอย่างผลเสียหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากภาวะเครียดเรื้อรัง
คนที่ไม่คิดบวก มีความเครียด สามารถก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ เช่น
- ปวดศีรษะ ปวดหลัง อ่อนเพลีย เนื่องจากต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนความเครียดออกมาเป็นจำนวนมาก
- อาการของโรคประจำตัวรุนแรงขึ้น เช่น อาการช็อกในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลไปกระตุ้นให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหรือลดต่ำลงอย่างผิดปกติ
- ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เนื่องจากความเครียดเรื้อรังไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดจำนวนการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสหรือเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน เพราะความเครียดทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้รู้สึกหิวบ่อย รับประทานอาหารปริมาณมากขึ้นนั่นเอง
ผลเสียเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดจากภาวะความเครียดเรื้อรังเท่านั้น ซึ่งการเป็นคนคิดบวกจะช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิต การเรียน และการทำงานดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
จะเริ่มต้นฝึกเป็นคนคิดบวกได้อย่างไร?
การฝึกเป็นคนคิดบวก สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการพูดคุยหรือให้กำลังใจกับตัวเองในทุกทุกวัน และมองโลกในเชิงบวก เคล็ดลับต่อไปนี้เป็นแนวทางในการเริ่มต้นฝึกให้สมองคิดในแง่บวกได้ง่ายขึ้น
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
1. เริ่มต้นจากการยอมรับตัวเอง
ความทุกข์ส่วนมากมักเกิดจากการที่เราไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งการที่คุณมองไม่เห็นคุณค่า ข้อดี หรือจุดแข็งของตัวเอง จะทำให้เป็นคนขาดความมั่นใจ ฝังใจว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรสำเร็จได้ จนกลายเป็นคนคิดลบไปโดยปริยาย
หากคุณไม่รู้จะเริ่มต้นยอมรับตัวเองอย่างไร มีหลายบททดสอบที่ช่วยให้คุณเห็นข้อดีข้อเสียของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การทำ SWOT มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตัวเอง ดังนี้
- S - Strengths จุดแข็ง เช่น สามารถสื่อสารกับคนแปลกหน้า จัดสรรการทำงานได้ดี หรือจริงจังกับการทำงาน
- W - Weakness จุดอ่อนของตัวเอง เช่น เฉื่อยชา ไม่กล้าแสดงออก หรือขี้หลงขี้ลืม
- O - Opportunities โอกาสในชีวิต เช่น ครอบครัวให้การสนับสนุน ได้รับโอกาสเข้าทำงาน หรือได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอเวลา
- T - Threats อุปสรรคในชีวิต เช่น วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New normal) ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน เศรษฐกิจ หรือการเดินทาง
การทำ SWOT เป็นวิธีวิเคราะห์ตัวเองง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมเกี่ยวกับตัวเองชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งที่สามารถนำมาใช้ในการทำงาน จุดอ่อนที่ต้องปรับปรุง รวมไปถึงโอกาสในชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เห็นคุณค่าและยอมรับในตัวเองได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
2. ให้ความสำคัญกับข้อดีของสิ่งที่ทำ
การมองเห็นข้อดีของสิ่งที่ทำและให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นจะช่วยให้รู้สึกดีต่อสิ่งที่กำลังทำมากยิ่งขึ้น และทำให้มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- มองเห็นประโยชน์ของการทำงานที่ทำให้ได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง และมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- มองเห็นประโยชน์ของคำติชมที่ทำให้ได้รู้ข้อผิดพลาดของงาน เพื่อที่จะได้นำไปพัฒนาและแก้ไขในงานชิ้นต่อไป
แต่หากคุณคิดเกี่ยวกับงานในแง่ลบเพียงอย่างเดียว เช่น งานหนัก งานยาก หรือเอาแต่คิดว่าตัวเองไม่สามารถทำงานได้สำเร็จ จะทำให้ไม่สนุกกับการทำงาน และการคิดลบเป็นประจำจะทำให้สมองเกิดความเคยชินจนกลายเป็นคนที่มีนิสัยคิดลบได้
3. แบ่งปันพลังงานบวกให้กับคนรอบข้าง
การแบ่งปันพลังงานบวก ไม่ว่าจะคำอวยพรหรือคำขอบคุณอย่างจริงใจให้กับคนรอบข้างที่พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาเข้ามาช่วยเหลือเรา หรือเราเข้าไปช่วยเหลือเขา ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่ช่วยให้สมองคิดบวกได้ง่ายขึ้น
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- การรู้จักขอบคุณผู้อื่นจะทำให้คุณมองเห็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับในชีวิต เช่น ขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเหลือ ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิด หรือแม้กระทั่งขอบคุณตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่
- การรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นจะทำให้คุณเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น เช่น หลีกทางให้ผู้ที่กำลังเร่งรีบ หรือให้ความช่วยเหลือที่ผู้ที่กำลังหลงทาง
ข้อดีของการแบ่งปันพลังงานบวกให้กับผู้อื่น คือ คุณเรียนรู้ที่จะสร้างพลังงานบวกได้ด้วยตัวเอง และส่งต่อให้ผู้อื่นผ่านความปรารถนาดี ซึ่งถือเป็นการพลังงานบวกเช่นเดียวกัน การทำสิ่งนี้เป็นประจำก็จะช่วยให้สมองเคยชินกับการคิดบวกได้ไม่ยาก
4. ใช้เวลาอยู่กับคนคิดบวก
เมื่อคุณอยู่ใกล้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นระยะเวลานาน คุณย่อมได้รับอิทธิพลบางอย่างมาจากเขาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะพลังงานด้านลบหรือบวก
ตัวอย่างเช่น เวลาที่ในห้องเรียนหรือในงานเลี้ยงมีคนที่อารมณ์ไม่ดีมากๆ ที่แสดงกิริยาออกมาอย่างชัดเจน ก็ย่อมทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เขารู้สึกอึดอัดตามไปด้วย การอยู่ใกล้กับคนที่คิดบวกก็เช่นกัน
เมื่อคุณอยู่ในภาพแวดล้อมที่มีแต่คนคิดบวก คุณก็จะได้รับอิทธิพลจากการคิดบวกโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นมุมมองที่มีต่อเหตุการณ์ที่เจอเหมือนกัน การแก้ปัญหา จนไปถึงแนวคิดการใช้ชีวิตบางอย่างที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้
5. ให้กำลังใจตัวเองในทุกๆ วัน
ในทุกเช้ายามตื่นนอนและทุกคืนก่อนนอน อย่าลืมพูดสิ่งดีๆ หรือให้กำลังใจตัวเอง
ใครหลายคนมักมองข้ามสิ่งนี้ ชอบตัดสินตัวเองในด้านลบอยู่เสมอ ซึ่งนั่นส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเองมาก จนอาจทำให้รู้สึกไม่อยากทำงานหรือเรียนหนังสือ เพราะการคิดในแง่ลบจะทำให้รู้สึกต่อต้านต่อสิ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว
ลองปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ฝึกพูดสิ่งดีๆ กับตัวเองในทุกทุกวัน เช่น วันนี้ฉันเก่งมากที่สามารถทำงานเสร็จทันเวลา วันนี้ฉันเก่งมากที่เรียนภาษาอังกฤษครบ 1 ชั่วโมง
การพูดดีๆ กับตัวเองทุกวันจะส่งผลให้มีมุมมองที่ดีต่อตัวเองมากขึ้น ทำให้การคิดบวกทำได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย
6. รู้จักปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำ
คนเราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ การที่คุณแบกรับทุกเรื่องมากเกินไปจะทำให้รู้สึกว่าสิ่งนั้นเป็นภาระ เกิดความเครียด และกลายเป็นคนคิดลบได้ในที่สุด
การไม่กล้าปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำก็เหมือนกับการไม่เคารพตัวเอง เป็นการทำร้ายตัวโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์แต่อย่างใด เช่น การทำงานหรือทำการบ้านให้ผู้อื่น
คุณควรรู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่อยากทำ แสดงเหตุผลที่ทำให้ไม่อยากทำสิ่งนั้น แต่หากการปฏิเสธนำพามาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้ง คนๆ นั้นก็อาจเป็นหนึ่งในคนคิดลบ ไม่มีเหตุผล ซึ่งการหลีกเลี่ยงบุคคลเหล่านั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
การจดบันทึกเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน อาจช่วยเรื่องคิดบวกได้
หลังจากที่เริ่มต้นฝึกเป็นคนคิดบวกแล้ว อย่าลืมจดบันทึกเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในทุกวัน จะทำให้การฝึกคิดบวกเป็นรูปธรรมมากขึ้น ช่วยให้สมองจดจำกิจกรรมที่ทำ รวมไปถึงข้อดีของการคิดบวกได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งในวันที่รู้สึกท้อ การนำบันทึกเหล่านี้มาเปิดอ่านก็อาจช่วยเป็นกำลังใจให้คุณก้าวข้ามอุปสรรคไปได้
การฝึกเป็นคนคิดบวกจะต้องใช้เวลา ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายในวันเดียว คุณจะต้องฝึกคิดบวกเป็นประจำเพื่อให้สมองเกิดความเคยชินกับการคิดบวกจนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถคิดบวกได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง หากคุณไม่สามารถจัดการกับความเครียดหรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจทำให้มองเห็นสาเหตุได้ชัดขึ้น รวมถึงได้รับคำแนะนำหรือวิธีการจัดการอารมณ์ที่เหมาะสำหรับตัวคุณโดยเฉพาะ
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจปรึกษาแพทย์ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชันเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android