วิธีการเลือกซื้อประกันสุขภาพ
การศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ ทั้งในเรื่องของเงื่อนไข กรมธรรมต่างๆ การจ่ายค่าชดเชย หรือว่าประกันให้ความคุ้มครองในเรื่องใดบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้ที่คิดจะชื้อประกันพึงทำความเข้าใจให้ดีในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ วันนี้เราจึงมีเทคนิคในการเลือกซื้อประกันสุขภาพมาแนะนำกัน เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังสนใจที่จะซื้อประกันสุขภาพตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเลือกซื้อประกันได้ตรงกับความต้องการและมีความเหมาะสมกับผู้ซื้อ
1. รูปแบบประกันสุขภาพมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการ
บริษัทประกันต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีรูปแบบประกันสุขภาพให้ลูกค้าได้พิจารณาอย่างหลากหลาย ซึ่งก็อาจจะทำให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยรู้สึกสับสนกับแพคเกจที่มีให้เลือกมากมาย เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ คุณจึงต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าประกันสุขภาพแบบใดคือรูปแบบที่คุณต้องการ โดยคุณอาจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการทำประกันจากหลาย บริษัทแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อที่จะสามารถเลือกได้ว่าประกันรูปแบบใดจะตรงใจคุณมากที่สุด
2. ขอบเขตความคุ้มครองและประโยชน์ที่จะได้รับ
ความคุ้มครองและผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการทำประกันเป็นสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองที่คุณควรจะทำความเข้าใจศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าประกันที่จะเลือกซื้อมีขอบเขตความคุ้มครองในเรื่องใดบ้างอย่างไร รวมทั้งผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการทำประกัน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณไม่ควรลืมที่จะพิจารณา เพื่อที่จะได้ทราบว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น กรณีเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะให้ความคุ้มครองในทันทีหรือไม่ หรือจะให้ความคุ้มครองก็ต่อเมื่อคุณได้มีการดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ก่อน
3. สถานพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน
การเลือกสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน จะทำให้คุณมีความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งหากเป็นสถานพยาบาลที่อยู่ห่างไกลจากบ้านมากเกินไป อาจทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันเวลาได้
นอกจากนี้แล้วคุณก็จะได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น หากเลือกทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันที่มีโรงพยาบาลในเครือ ซึ่งก็จะทำให้ปัญหาการจ่ายเงินสำรองค่ารักษาพยาบาลก็จะลดน้อยลง
4. สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้
เป็นที่แน่นอนว่าค่าเบี้ยประกันจะแตกต่างกันออกไปตามแพคเกจประกันสุขภาพที่คุณเลือกด้วย ซึ่งคุณก็ไม่ควรที่จะลืมคำนวณค่าเบี้ยประกันตามแพคเกจประกันสุขภาพที่เลือกด้วยว่าแพกเกจที่คุณเลือกนั้นมีค่าเบี้ยประกันสูงเกินไปหรือไม่ อยู่ในระดับที่คุณจะรับผิดชอบไหวหรือเปล่า
ทั้งนี้คุณอาจจะนำค่าเบี้ยประกันทั้งรายเดือน(ในกรณีที่บริษัทประกันให้คุณจ่ายค่าเบี้ยประกันรายเดือนได้)และรายปีมาเปรียบเทียบกัน เพื่อที่จะดูว่าค่าเบี้ยประกันรูปแบบใดที่จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าและรูปแบบใดที่คุณสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้อย่างสะดวก
5. ความคุ้มครองของประกัน
ความคุ้มครองจากการทำประกันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรตรวจสอบให้ดี เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราจะได้รับความคุ้มครองจากเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายอย่างคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งการคุ้มครองของประกันก็จะครอบคลุมตั้งแต่ค่าห้อง(หากต้องนอนโรงพยาบาล) ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ แต่บางโรงพยาบาลก็อาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งประกันของบางบริษัทก็อาจจะไม่ให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ซึ่งความรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนต่างก็จะไปตกอยู่ที่ผู้ที่เอาประกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเสียต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างไม่คุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายไป
6. ระยะเวลาในการจ่ายเงินทดแทน
ระยะเวลาที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินทดแทนให้กับคุณในกรณีที่คุณต้องจ่ายเงินสำรองค่ารักษาพยาบาลไปก่อนนั้น เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันจะกลายเป็นปัญหาให้คุณได้ หากไม่ทราบกำหนดระยะเวลาในการเงินทดแทน หรือบริษัทประกันมีความล่าช้าในการจ่ายคืนเงิน
มีประกันสุขภาพมากมายไว้คอยบริการซึ่งคุณก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ และแต่ละบริษัทก็จะมีเงื่อนไขในการให้บริการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจและมีความต้องการที่จะทำประกันสุขภาพ การตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับประกันที่คุณมีความสนใจอย่างละเอียดรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างเต็มที่จากกรมธรรม์ประกันสุขภาพ