กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
นพ.วรพันธ์ พุทธศักดา
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ.วรพันธ์ พุทธศักดา

7 วิธีลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม

รวม 7 เคล็ดลับช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านม
เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 2 ธ.ค. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
7 วิธีลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งที่พรากชีวิตผู้หญิงทั่วโลก ผู้หญิงทุกคนจึงต้องหมั่นไปตรวจหาความเสี่ยงการเกิดโรคนี้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และผู้หญิงช่วงวัย 25-39 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เสี่ยงพบโรคมะเร็งเต้านมได้
  • การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมลดลงได้
  • การรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อให้ร่างกายมีวิตามินและสารภูมิต้านทานมะเร็งเพียงพอ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้ เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว ผลเบอร์รี บร็อคโคลี หัวหอม 
  • ผู้หญิงทุกคนควรรู้จักวิธีคลำเต้านมและตรวจดูลักษณะเต้านมของตนเองว่า มีลักษณะคล้ายเต้านมที่มีก้อนมะเร็งเต้านม หรือไม่ เช่น เจ็บหน้าอก มีเลือด หรือน้ำหนองไหลออกมาจากหัวนม 
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งสำหรับผู้หญิง

โรคมะเร็งเต้านม เป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งที่พรากชีวิตผู้หญิงทั่วโลกไป รวมถึงในประเทศไทยด้วย ผู้หญิงไทยทุกคนจึงต้องเข้ารับการตรวจหาความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งชนิดนี้กันทุกคน 

อีกทั้งหลายคนที่กำลังเผชิญหน้ากับโรคนี้ ก็ต้องเสียค่ารักษาไปเป็นปริมาณมากเพื่อประคองอาการของโรคไม่ให้ลุกลาม

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจมะเร็งสำหรับผู้หญิงวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 495 บาท ลดสูงสุด 79%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

เพื่อป้องกันให้ความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมมีน้อยที่สุด เราจึงควรรู้ว่า ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และดูแลสุขภาพแบบไหน จึงจะช่วยให้โอกาสเป็นโรคมะเร็งเต้านมลดลงได้

วิธีลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านม

1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม

การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่เสี่ยงเกิดภาวะอ้วน จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้หลายประเภท ไม่ใช่แค่โรคมะเร็งเต้านมเท่านั้น

เพราะปริมาณไขมันในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นมีส่วนทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยและส่งผลให้ระดับสารอินซูลินในร่างกายเพิ่มขึ้นเช่นกัน 

ทั้งนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจน และสารอินซูลิน ล้วนเป็นสิ่งที่ส่งผลทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมได้

ผู้หญิงวัยที่ควรรักษาน้ำหนักให้ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมมากที่สุดคือ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งเป็นวัยที่อาจยากต่อการลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับวัยรุ่น

หากคุณกำลังมีน้ำหนักเกินเกณฑ์อยู่ หรือมีภาวะอ้วน ให้พยายามออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง เพื่อลดน้ำหนักให้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สุขภาพดี ไม่แค่ป้องกันโรคมะเร็งเต้านมเท่านั้น โดยการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องไปออกในยิม หรือจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวให้เสียเงินมากๆ ก็ได้

เพียงแค่วิ่ง หรือเดินเร็วตามสวนสาธารณะ ก็เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพได้

สำหรับความถี่ในการออกกำลังกายของคนปกติควรอยู่ที่ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงต่อวัน ประมาณ 3-5 วันต่อสัปดาห์ แต่สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินและต้องการลดน้ำหนัก ควรออกกำลังกายทุกวันจะดีที่สุด

3. ระมัดระวังในการใช้ยาคุมกำเนิด

การใช้ยาคุมกำเนิด และห่วงคุมกำเนิดมีข้อดีตรงที่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ และช่วยป้องกันการเกิดเนื้องอกในอวัยวะส่วนอื่นได้ 

อย่างไรก็ตาม ยาคุมกำเนิด และห่วงคุมกำเนิดก็มีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ หากใช้อย่างผิดวิธี

ทางที่ดีควรใช้ยาคุมกำเนิดและห่วงคุมกำเนิดเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หรือหากไม่มั่นใจการใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดเหล่านี้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ปัจจุบันมีบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดและการคุมกำเนิดแล้ว ซึ่งเป็นบริการที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ไม่มีเวลาไปพบแพทย์ด้วยตนเอง สามารถใช้บริการได้ทั้งรุปแบบวิดีโอคอลและโทรศัพท์ปรึกษา 

4. ระมัดระวังในการรักษาโดยใช้ฮอร์โมนบำบัด

ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่กำลังเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมน (Hormone Replacement Therapy: HRT) มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่บำบัดทั้งจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone)

หากคุณเป็นผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้วร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลจนกระทบต่อการใช้ชีวิต ให้ปรึกษาแพทย์ว่า มีทางรักษาอาการอย่างไรบ้าง ที่ไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งเต้านม

5. รับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม

โดยตัวอย่างอาหารที่ช่วยให้ร่างมีภูมิต้านทาน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ ได้แก่

  • ผลไม้รสเปรี้ยว (Citrus fruits) ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจะมีวิตามินซี สารโฟเลต สารแคโรทีนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่าง เช่น สารนารินจีนิน สารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งมีส่วนช่วยต้านการก่อโรคมะเร็งเต้านมได้
  • กรดไขมันปลา (Fatty fish) เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล เพราปลาเหล่านี้มีกรดไขมันโอเมกา-3 (Omega-3) ซึ่งลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้
  • ผลเบอร์รี (Berry) ผลเบอร์รีไม่ได้มีส่วนช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งเต้านมเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วย เพราะสารต้านอนุมูลอิสระในผลเบอร์รีมีส่วนป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ และยังช่วยลดการลุกลามของเซลล์มะเร็งไปอวัยวะอื่นด้วย
  • พืชตระกูลแอลเลียม (Allium) เช่น กระเทียม กระเทียมต้น หัวหอม โดยพืชตระกูลนี้มีสารต้านมะเร็งชั้นดี และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารฟลาโวนอยด์ และวิตามินซีซึ่งช่วยให้ลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งได้
  • พืชตระกูลกะหล่ำ (Cruciferous vegetables) เช่น บร็อคโคลี ดอกกะหล่ำ ซึ่งพืชตระกูลนี้อุดมไปด้วยสารกลูโคซิโนเลตส์ (Glucosinolates) โดยเมื่อบริโภคเข้าไป ร่างกายเราจะสามารถเปลี่ยนสารนี้เป็นสารโมเลกุลชื่อ สารไอโซไธโอไซยาเนต (Isothiocyanates) ซึ่งเป็นสารป้องกันมะเร็งชั้นดีได้

6. ไปตรวจความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านม

นอกจากดูแลสุขภาพแล้ว คุณยังควรไปตรวจสุขภาพทั่วไปทุกๆ ปีเพื่อหาความเสี่ยงและเช็คการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายด้วยว่า มีอวัยวะส่วนใดเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งหรือไม่ รวมถึงที่เต้านมด้วย

โดยเฉพาะหากคุณเป็นผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 25-39 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ควรไปตรวจหาความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมอย่างน้อย 3 ปีต่อครั้ง หรือควรไปตรวจทุกปีเพื่อความมั่นใจ

หากคุณอายุ 40 หรือเริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ควรรับการตรวจหาความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมบ่อยขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้รู้เท่าทันถึงโอกาสการเกิดโรค หากเกิดโรคมะเร็งเต้านมขึ้นมาจริงๆ จะได้สามารถหาทางรักษาได้ทันเวลา

นอกจากนี้หากมีผู้ใกล้ชิดทางสายเลือด หรือมีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งเต้านม นั่นถือว่า คุณมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเต้านมมากกว่าคนทั่วไป 

ดังนั้นคุณจึงต้องไปตรวจคัดกรองหาความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมเมื่อถึงเวลา เพื่อจะได้หาทางรักษาโรคนี้ได้ทันเวลา 

7. หมั่นสังเกตตนเอง

เพราะผู้หญิงเกือบทุกคนล้วนมีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ทั้งนั้น นอกจากดูแลตนเองและรับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงแล้ว คุณยังต้องสังเกตร่างกายตนเองด้วยว่า มีอาการ หรือลักษณะคล้ายกับเป็นโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ เช่น

  • พบก้อนเนื้อที่หน้าอก
  • พบก้อนเนื้อที่ใต้รักแร้ เหนือไหปลาร้า หรือใกล้กับแขน
  • ขนาดหน้าอกเปลี่ยนไป หรือมีรูปทรงแปลกไปจากเดิม
  • มีอาการเจ็บหัวนม หรือกดเจ็บที่หน้าอก รวมถึงอาจมีเลือดไหลออกมาจากหัวนม
  • มีอาการคันระคายเคืองหัวนม รวมถึงอาจมีผื่นแดงขึ้น ซึ่งจะเริ่มขยายตัวขึ้นในภายหลัง
  • หน้าอกบวม รู้สึกอุ่น หรือร้อนวูบวาบผิดปกติ

วิธีตรวจหาก้อนมะเร็งด้วยตนเอง

นอกจากนี้คุณควรรู้วิธีตรวจหาก้อนมะเร็งด้วยตนเองด้วย โดยมีวิธีต่อไปนี้

1.การสำรวจดูเต้านม ให้ยืนหน้ากระจก ปล่อยแขนแนบข้างลำตัว แล้วยกมือเท้าสะเอว จากนั้นยกมือขึ้น 2 ข้างเหนือศีรษะ จากนั้นให้สังเกตลักษณะเต้านมดังต่อไปนี้

  • หัวนม ต้องมีรูปร่างคล้ายกับ สีผิวเหมือนกันทั้ง 2 ข้าง ไม่มีแผลถลอก หรือแผลก้อนนูนแตก หัวนมอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีบางอย่างดึงรั้งให้บุ๋มลง หรือเอนไปข้างใดข้างหนึ่ง และไม่ควรมีน้ำเหลือง หรือน้ำเลือดไหลออกจากหัวนมด้วย
  • ปานนม สีต้องต้องเสมอเหมือนกัน ไม่ควรเป็นรอยนูน หรือรอยบุ๋มซึ่งเกิดจากเชื้อมะเร็งดึงรั้งลงไป รวมถึงไม่ควรมีแผลถลอก หรือก้อนนูนแตกออกมา
  • ผิวเต้านม ควรมีสีที่เหมือนและเสมอเท่ากัน ไม่มีรอยบวมหนา หรือรอยบุ๋ม ไม่ควรมีสีแดงคล้ำ หรือเป็นสีส้ม อีกทั้งไม่ควรมีรอยแผลแตกที่ผิวหนัง นอกจากนี้ต้องไม่มีน้ำหนอง หรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากผิวเต้านมด้วย
  • ขนาด และระดับของเต้านม ขนาดเต้านมควรใกล้เคียงกันทั้ง 2 และอยู่ในระดับเดียวกันทั้งคู่

2. การคลำ โดยการคลำเต้านมจะคลำ 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

  • การคลำรักแร้กับเหนือไหปลาร้า โดยให้นั่งตัวตรง วางแขนข้างที่ต้องการตรวจบนโต๊ะ ใช้ปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของแขนอีกข้างคลำเข้าไปในรักแร้ข้างที่ต้องการตรวจ รวมถึงคลำต่อมน้ำเหลืองที่ไหปลาร้าด้วย ระหว่างคลำให้สังเกตว่า มีก้อนที่คลำเจอบริเวณดังกล่าวหรือไม่
  • การคลำเต้านม ทำได้ทั้งท่ายืนและนอน โดยท่ายืนให้ชูแขนข้างที่ต้องการตรวจเหนือศีรษะ ส่วนท่านอนให้นอนหงายหนุนหมอนเตี้ยๆ แล้วใช้ผ้าหนุนไหล่ ยกแขนข้างที่ตรวจเหนือศีรษะเช่นกัน แล้วปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางกดลงที่ผิวหนังจนสัมผัสกระดูกซี่โครง

วิธีการคลำให้คลำทั้งเป็นวงกลมจากหัวนมตามเข็มนาฬิกา หรือคลำจากเต้านมส่วนนอกวนตามเข็มนาฬิกาเข้ามาหาหัวนม คลำไล่ขึ้นลงจากใต้เต้านมถึงกระดูกไหปลาร้า หรือคลำแบบรัศมีจากหัวนมออกไปยังบริเวณด้านนอกก็ได้

อย่าประมาทต่อความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม ถึงแม้คุณจะอยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่ำก็ตาม เพราะโรคมะเร็งสามารถเกิดได้จากปัจจัยภายนอกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากคุณพบความผิดปกติบริเวณเต้านม อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ตนเองเป็นโรคมะเร็งเต้านม แต่ให้ไปพบแพทย์เพื่อขอรับการตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจ เพื่อจะได้รีบทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็ง จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


8 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Stacy Simon, Five Ways to Help Reduce Your Breast Cancer Risk (https://www.cancer.org/latest-news/five-ways-to-reduce-your-breast-cancer-risk.html), 16 September 2020.
Siteman Cancer Center, 8 Ways to Prevent Breast Cancer (https://siteman.wustl.edu/prevention/take-proactive-control/8-ways-to-prevent-breast-cancer/), 16 September 2020.
Prevent cancer foundation, 6 things you can do now to reduce your breast cancer risk (https://www.preventcancer.org/2019/10/6-things-you-can-do-now-to-reduce-your-breast-cancer-risk/), 16 September 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป