คนจำนวนมากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่มีอาการ ทั้งนี้ผลกระทบข้างเคียงอาจรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้เพราะโรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบภายในตับ และสามารถเกิดภาวะของโรคได้ทั้งแบบแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง โรคไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลันส่วนมากหายได้ภายในไม่กี่สัปดาห์จนถึง 6 เดือน ในขณะที่แบบเรื้อรังจะเป็นไปตลอดชีวิต
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกชี้ให้เห็นว่า 90% ของทารกที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในขวบปีแรก โรคจะดำเนินไปสู่การติดเชื้อเรื้อรัง แต่หากติดเชื้อเมื่อเด็กอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 6 ปี จะมีโอกาสเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังประมาณ 30 - 50% ส่วนผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีโอกาสเกิดการติดเชื้อเรื้อรังเพียงประมาณ 5%
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการ
จากข้อมูลของกรมป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ แต่ 70% ของผู้ใหญ่และเด็กอายุเกินกว่า 5 ปีที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลัน มักแสดงอาการดังนี้ประมาณ 1 - 3 เดือนหลังจากการสัมผัสเชื้อ ได้แก่
- ไข้
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้อาเจียน
- ท้องเสีย
- ปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อ และปวดท้อง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ถ่ายอุจจาระสีซีด
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
ส่วนผู้ป่วยโรคตับอักเสบบีแบบเรื้อรังอาจมีอาการคล้ายกับผู้ติดเชื้อเฉียบพลัน แต่ส่วนมากมักไม่มีอาการใด ๆ มากกว่า 20 ปี
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคไวรัสตับอักเสบบี
โรคไวรัสตับอักเสบบีอาจนำไปสู่ภาวะตับวายจนถึงแก่ชีวิตได้ แต่พบได้น้อยมาก ข้อมูลจากกรมควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่าแม้ว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรังอาจไม่มีอาการ แต่ 15 - 25% ของผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคตับเเข็ง (พังผืดในตับ) และโรคมะเร็งตับ เป็นต้น ซึ่งจากข้อมูลขององค์กรอนามัยโลกมีผู้ป่วยมากกว่า 780,000 คนต่อปีเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้
การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบบี
แพทย์จะทำการซักประวัติ สอบถามอาการ และตรวจร่างกายเพื่อนำมาสู่การวินิจฉัยโรค หากแพทย์สงสัยจะส่งตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อช่วยการวินิจฉัย โดยหากไม่ได้ตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการจะไม่สามารถแยกโรคนี้ออกจากโรคตับอักเสบอื่นๆ ได้ ทั้งนี้การตรวจดังกล่าวจะมีชุดการตรวจหา แอนติเจน (Antigen) และ แอนติบอดี (Antibody) ต่อไวรัสตับบี
แอนติเจน คือ ส่วนประกอบโปรตีนบนผิวของไวรัสตับบี และร่างกายเราจะสร้างโปรตีนตอบสนองกับเชื้อ นั่นคือ แอนติบอดี ซึ่งจะช่วยในการทำลายเชื้อไวรัส
การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ถ้าผลเลือดต่อ แอนติเจน โปรตีนที่ผิวไวรัสตับบี เป็น บวก แสดงว่ามี เชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย โดยถ้าหากมีผลบวกมากกว่า 6 เดือนจะสามารถวินิจฉัยเป็นภาวะตับอักเสบบีแบบเรื้อรังได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ถ้าหากผลตรวจ แอนติเจน ได้ผลเป็น ลบ แต่ว่าตรวจพบแอนติบอดี (โปรตีนที่ร่างกายสร้างมาต่อสู้กับแอนติเจน) ต่อโปรตีนบนผิวของไวรัสตับบี แปลว่าเคยได้รับวัคซีน หรือ มีการติดเชื้อ แต่ร่างกายสามารถจำกัดเชื้อนั้นได้หมดแล้ว
สำหรับการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน สามารถตรวจหา อิมมิวโนโกลบูลินแอนติบอดี (IgG antibody) ต่อแอนติเจนของแกนไวรัส
ถ้าตรวจพบแอนติบอดีต่อแกนกลางไวรัส (Anti HBc) แปลว่ากำลังมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย หรือ เคยมีในอดีต โดยขึ้นกับผลแอนติเจนและแอนติบอดีต่อผิวไวรัส (ต้องใช้แปลผลคู่กัน กล่าวคือถ้ามีเชื้อเข้ามาในร่างกายครั้งหนึ่งแล้วร่างกายจะสร้างแอนติบอดีต่อแกนกลาง โดยหากพบแอนติเจนต่อผิวไวรัสร่วมกันแปลว่ามีเชื้อในร่างกาย ณ ขณะนี้ แต่ถ้าไม่พบแอนติเจนร่วมกับมีแอนติบอดีต่อผิวไวรัส แปลว่าเคยมีการติดเชื้อ แต่ร่างกายกำจัดเชื้อได้แล้ว หากว่าพบแต่แอนติบอดีต่อผิวไวรัส ไม่พบแอนติบอดีต่อแกนกลาง แปลว่าได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว)
แอนติเจนต่อโปรตีนที่ไวรัสสร้าง หรือ HBe แอนติเจน (HBe Ag) สามารถพบได้ในขณะมีเชื้อจากการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน โดยสัมพันธ์กับปริมาณไวรัสที่มาก (หมายถึง มีโอกาสแพร่เชื้อต่อได้มาก) ในทางตรงข้ามแอนติบอดีต่อโปรตีนของไวรัสตับบี (anti HBe แอนติบอดี) พบต่อเมื่อมีการติดเชื้อแบบเรื้อรังและมีไวรัสในเลือดในปริมาณน้อย ซึ่งทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยตามไปด้วย DNA ของไวรัสตับบีสามารถตรวจหาไวรัสโดยตรงได้จากในเลือดและบอกปริมาณไวรัสได้ อย่างไรก็ดีผลตรวจทั้งหมดนี้ต้องแปลผลโดยแพทย์เท่านั้น
ดูแพ็กเกจตรวจตับ เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
บทความที่เกี่ยวข้อง
รู้จักวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี