เกรปฟรุต (Grapefruit) เป็นผลไม้ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างส้มโอกับส้มเช้ง มีรสชาติเปรี้ยว อุดมไปด้วยวิตามินซีสูงที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ
ในไทย Grapefruit ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในไทยมากนัก แต่ก็สามารถหาซื้อได้ในโซนผลไม้นำเข้าตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป อย่างไรก็ตาม Grapefruit สามารถทำปฏิกิริยากับยาได้หลายชนิดจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ทำความรู้จักกับ Grapefruit
Grapefruit เป็นผลไม้ที่พบทางแถบคาริบเบียน (Caribbean) จัดอยู่ในพืชสกุลส้มอยู่ในวงศ์ Rutaceae นอกจาก Grapefruit แล้วก็ยังมีผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่คุ้นหูกันดี เช่น ส้มโอ มะนาว ส้มเขียวหวาน เลมอน ส้มเช้ง และส้มเปลือกหนา
Grapefruit เป็นพืชลูกผสมที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างส้มโอกับส้มเช้ง ผลของ Grapefruit จะมีรสเปรี้ยวและลูกเล็กกว่าส้มโอ แต่มีเปลือกสีเหลืองและหนาคล้ายส้มโอ ลักษณะลำต้นเหมือนต้นส้มทั่วไป ใบมีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อ มีสีขาว
Grapefruit มีหลายพันธุ์ย่อย โดยสายพันธุ์ที่คุ้นตากันดีคือ เกรปฟรุตสีชมพู (Pink grapefruit) และเกรปฟรุตสีขาว (White grapefruit)
ปัจจุบันผลไม้ชนิดนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในไทยมากนัก อาจเพราะในไทยมีส้มหลายชนิดที่นิยมรับประทานกันเป็นปกติอยู่แล้ว
คุณค่าทางโภชนาการของ Grapefruit สีขาวและสีชมพู
Grapefruit สีขาว 100 กรัม ให้พลังงาน 37 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญต่อไปนี้
- คาร์โบไฮเดรต 9.9 กรัม
- วิตามินซี 33.3 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 12 มิลลิกรัม
Grapefruit สีชมพู 100 กรัม ให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญต่อไปนี้
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- คาร์โบไฮเดรต 7.5 กรัม
- วิตามินซี 37 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 15 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ Grapefruit สีขาวและสีชมพูยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น โปรตีน เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม วิตามินเอ ไรโบฟลาวิน และไนอาซิน
ประโยชน์ของ Grapefruit
Grapefruit เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
- ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัด และลดความรุนแรง ลดระยะการเป็นหวัดได้
- มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน (Collagen) คาร์นิทีน (Carnitine) และสารเหนี่ยวนำกระแสประสาท (Neurotransmitter)
- มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อร่างกาย ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยต้านมะเร็งได้
- ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยชะล้างสารพิษได้
นอกจากนี้เปลือกของ Grapefruit ยังนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยได้ กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยจะช่วยเพิ่มความสดชื่น สร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี หรือนำไปแต่งกลิ่นให้กับเครื่องสำอาง หรือผสมในน้ำหอมยี่ห้อต่างๆ มากมาย
แนะนำของว่างจาก Grapefruit
ปกติแล้ว คนมักนิยมรับประทาน Grapefruit โดยการโรยน้ำตาลเพื่อกลบรสเปรี้ยวก่อน หรือนำมาทำเป็น Grapefruit juice เพื่อเพิ่มความสดชื่น
วัตถุดิบในการทำ Grapefruit juice มีดังนี้
- Grapefruit 1 ลูก
- น้ำเย็น 1 ถ้วย
- หญ้าหวาน (Stevia) หรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ Grapefruit juice
- ปอกเปลือก Grapefruit โดยการผ่าตามแนวขวางแล้วคว้านเนื้อออก
- ใส่เนื้อ Grapefruit ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเย็น
- เพิ่มความหวาน ลดความเปรี้ยว ด้วยหญ้าหวาน หรือน้ำผึ้ง
- ปั่นส่วนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้วเป็นอันเสร็จ
เพื่อให้ได้รับวิตามินอย่างเต็มเปี่ยม แนะนำให้ดื่ม Grapefruit juice ทันทีหลังทำเสร็จ เพราะวิตามินจะเริ่มสูญสลายหลังผ่านไป 15 นาที นอกจากนี้ยังสามารถนำ Grapefruit ไปเป็นส่วนผสมของสลัดผักเพื่อเพิ่มรสชาติได้อีกด้วย
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
Grapefruit กับยา สามารถรับประทานร่วมกันได้ไหม?
Grapefruit สามารถทำปฏิกิริยากับยาได้หลายชนิด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน หากแพทย์ประเมินแล้วว่าไม่ทำให้เกิดอันตรายก็สามารถรับประทานร่วมกันได้
สาเหตุที่ทำให้ Grapefruit ทำปฏิกิริยากับยา เพราะใน Grapefruit มีสารเบอร์กามอตติน (Bergamottin) เป็นสารประกอบฟลูราโนคูมาริน (Fluranocoumarins) ปริมาณมาก ซึ่งสารนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิดในร่างกายที่ทำหน้าที่แปลงสภาพยาไปใช้งาน
เมื่อรับประทาน Grapefruit ร่วมกับยาจะส่งผลให้กระบวนกำจัดยาถูกยับยั้ง ทำให้มีปริมาณยาตกค้าง หรือเพิ่มอยู่ในกระแสเลือดมากกว่าเดิม 2-3 เท่านั่นเอง
ตัวอย่างยาที่ทำปฏิกิริยากับ Grapefruit เช่น
- ยาที่เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น Nifedipine Felodipine อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ บวมที่ปลายมือปลายเท้า
- ยาลดไขมัน เช่น Simvastatin Atorvastatin อาจทำให้ปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้อสลายตัว
- ยาที่เกี่ยวกับระบบประสาท เช่น Alfentanil ทำให้กดการหายใจ หรือ Buspirone ทำให้เวียนศีรษะและง่วงนอน
- ยารักษาโรคมะเร็ง เช่น Crizotinib Dasatinib อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเป็นพิษต่อไขกระดูก
- ยารักษาอาการติดเชื้อ (Anti-infective agents) เช่น Erythromycin อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
Grapefruit ราคาเท่าไร มีขายที่ไหนบ้าง?
Grapefruit เป็นผลไม้นำเข้า ราคาเริ่มต้นลูกละ 100 บาทขึ้นไป หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
นอกจากนี้ Grapefruit ยังมีจัดจำหน่ายในรูปแบบของน้ำผลไม้แปรรูป น้ำส้มสายชูหมัก น้ำมันหอมระเหย หรือเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ครีมอาบน้ำ และน้ำยาล้างจานอีกด้วย
Grapefruit เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีวิตามินซีสูง แต่สามารถทำปฏิกิริยาระหว่างยาได้หลายชนิด
หากกำลังรับประทานยาประจำตัวอยู่ โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิต ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และยาแก้แพ้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android