โรคลมชักเป็นโรคที่โดยทั่วไปถือว่ามีความยากที่จะวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรคลมชักจนกว่าจะมีอาการชักมากกว่า 1 ครั้ง โดยแพทย์จะซักถามถึงลักษณะของอาการชักที่เกิดขึ้นจากคุณหรือจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ ร่วมกับการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) และการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
โรคลมชักวินิจฉัยได้ยากเป็นเพราะมีหลายโรคที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคลมชัก เช่น ปวดศีรษะไมเกรน และอาการแพนิค (panic attacks)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หากคุณมีอาการชัก คุณจะถูกส่งต่อไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคลมชัก โดยทั่วไปคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท (neurologist) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคที่ส่งผลกระทบต่อสมองและระบบประสาทของร่างกาย
การอธิบายลักษณะอาการชักที่เป็น
ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวินิจฉัยโรคลมชักคือข้อมูลเกี่ยวกับอาการชักที่คุณเป็น
แพทย์จะทำการสอบถามคุณว่าคุณจำอะไรได้บ้าง และมีอาการอะไรบ้างที่คุณเป็นก่อนเกิดอาการชัก เช่น ความรู้สึกแปลกๆ ก่อนมีอาการชัก หรือ คุณมีอาการเตือนของอาการชักหรือไม่ (warning signs) นอกจากนี้อาจเป็นประโยชน์ที่จะสอบถามกับผู้ที่พบเห็นอาการชักของคุณ และสอบถามพวกเขาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเขาเห็นอะไรระหว่างที่คุณมีอาการชัก โดยเฉพาะถ้าคุณไม่สามารถจดจำอะไรได้ระหว่างที่คุณกำลังชัก
แพทย์จะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ และประวัติส่วนบุคคลของคุณ รวมถึงยาที่คุณกำลังใช้ ประวัติการใช้สารเสพติด และการดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
แพทย์อาจให้การวินิจฉัยโรคลมชักให้กับคุณได้จากข้อมูลที่คุณให้ แต่ก็อาจมีการตรวจเพิ่มเติมด้วย เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencephalogram หรือ EEG) หรือการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging (MRI) scan)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการตรวจดังกล่าวข้างต้นจะไม่พบความผิดปกติใด แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่คุณจะเป็นโรคลมชัก โดยที่ตรวจไม่พบความผิดปกติ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram (EEG))
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง หรือ EEG test จะสามารถตรวจพบกิจกรรมที่ผิดปกติของสมองที่สัมพันธ์กับโรคลมชัก โดยการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (electrical activity) ผ่านขั้วไฟฟ้าที่วางไว้บนหนังศีรษะของคุณ
ในระหว่างการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง คุณอาจได้รับการขอให้หายใจลึกๆ หรือหลับตาและอาจถูกขอให้มองไปที่แสงไฟกระพริบ การตรวจนี้จะถูกหยุดลงทันทีหากดูเหมือนว่าแสงไฟกระพริบจะกระตุ้นให้คุณมีอาการชัก
ในบางกรณีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองจะทำในขณะที่คุณนอนหลับ (sleep EEG) หรือคุณอาจได้รับอุปกรณ์บันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองขนาดเล็กแบบพกพาเพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าสมองตลอดเวลา 24 ชั่วโมง (ambulatory EEG)
การตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging (MRI) scan)
การตรวจ MRI คือชนิดของการตรวจสแกนชนิดหนึ่งที่ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุเพื่อช่วยในการสร้างภาพของสิ่งที่อยู่ภายในสมอง
การตรวจ MRI จะมีประโยชน์ในกรณีผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคลมชัก เพราะการตรวจนี้มักตรวจพบความผิดปกติที่เป็นสาเหตุของโรคลมชักได้ เช่น ความผิดปกติทางโครงสร้างของสมอง หรือ การมีเนื้องอกในสมอง เป็นต้น
การตรวจด้วยเครื่อง MRI ตัวเครื่องจะเป็นลักษณะของอุโมงค์และคุณจะต้องนอนลงและเข้าไปในอุโมงค์ดังกล่าวระหว่างการตรวจ
https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/brain-nerves-and-spinal-cord/epilepsy#diagnosis