การติดเชื้อที่หูนั้นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่ส่งผลต่อหูชั้นกลางซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ถัดจากเยื่อแก้วหู การติดเชื้อนี้อาจจะทำให้เจ็บเนื่องจากมีการอักเสบและมีสารน้ำคั่งในหูชั้นกลาง
การติดเชื้อที่หูนั้นอาจจะเป็นเรื้อรังหรือแบบฉับพลันก็ได้ การติดเชื้อแบบฉับพลันนั้นมักจะทำให้มีอาการเจ็บแต่เป็นในระยะสั้นๆ ในขณะที่การติดเชื้อแบบเรื้อรังนั้นจะไม่หายเลยหรืออาจจะกลับเป็นซ้ำหลายๆ ครั้ง การติดเชื้อที่หูเรื้อรังอาจทำให้เกิดการทำลายหูชั้นกลางและหูชั้นในอย่างถาวร
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในหู
การติดเชื้อที่หูนั้นเกิดเมื่อท่อ eustachian tube นั้นเกิดอาการบวมหรืออุดตัน ทำให้เกิดสารน้ำสะสมภายในหูชั้นกลาง ท่อ eustachian นั้นเป็นท่อขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างหูแต่ละข้างกับด้านหลังของคอหอย สาเหตุที่ทำให้ท่อนี้อุดตันเกิดจาก
- ภูมิแพ้
- เป็นหวัด
- ติดเชื้อในโพรงจมูก
- มีมูกมาก
- สูบบุหรี่
- การติดเชื้อที่ต่อม adenoid หรือต่อม adenoid บวม (เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้กับต่อมทอนซิลที่ทำหน้าที่จับเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นอันตราย)
- การเปลี่ยนความดันอากาศ
ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่หู
การติดเชื้อที่หูนั้นส่วนมากพบในเด็กเล็กเนื่องจากมีท่อ eustachian ที่สั้นและแคบ ทารกที่ยังดูดนมจากขวดนั้นจะมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าทารกที่ดื่มนมแม่ ปัจจัยอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่หูเช่น
- การเปลี่ยนความสูงที่อยู่
- การเปลี่ยนภูมิอากาศ
- การสัมผัสกับควันบุหรี่
- การใช้จุกหลอก
- การเจ็บป่วยหรือการติดเชื้อที่หูเมื่อเร็วๆ นี้
อาการที่พบ
ตัวอย่างอาการที่พบบ่อยของการติดเชื้อที่หูประกอบด้วย
- ปวดหรือรู้สึกไม่สบายภายในหู
- รู้สึกเหมือนมีแรงดันอยู่ภายในหูที่เรื้อรัง
- เด็กทารกมีอาการกระสับกระส่าย
- มีหนองไหลออกมาจากหู
- สูญเสียการได้ยิน
อาการเหล่านี้อาจจะเป็นเรื้อรังหรือเป็นๆ หายๆ ก็ได้ อาการนั้นอาจจะเกิดที่หูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้เช่นกัน อาการปวดนั้นมักจะรุนแรงมากขึ้นหากมีการติดเชื้อที่หูทั้ง 2 ข้าง การติดเชื้อที่หูเรื้อรังนั้นอาจจะสังเกตได้น้อยกว่าการติดเชื้อที่หูแบบเฉียบพลัน
เด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนและมีไข้หรืออาการของการติดเชื้อที่หูควรไปพบแพทย์ และหากมีไข้สูงกว่า 102 องศาฟาเรนไฮต์หรือปวดหูรุนแรงควรไปพบแพทย์เสมอ
การวินิจฉัย
แพทย์จะใช้เครื่องมือในการตรวจหูซึ่งจะทำให้พบกับ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- อาการแดง มีฟองอากาศหรือสารคล้ายหนองที่อยู่ภายในหูชั้นกลาง
- มีสารน้ำไหลออกมาจากหูชั้นกลาง
- เยื่อแก้วหูทะลุ
- เยื่อแก้วหูโป่งหรือยุบตัว
หากมีการติดเชื้อที่รุนแรง แพทย์อาจจะมีการเก็บตัวอย่างสารน้ำจากในหูและทำไปทดสอบเพื่อดูว่ามีเชื้อแบคทีเรียดื้อยาหรือไม่ นอกจากนั้นยังอาจจะมีการส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ศีรษะเพื่อดูวามีการติดเชื้อที่แพร่กระจายออกไปนอกหูชั้นกลางหรือไม่ และอาจจะมีการทดสอบการได้ยิน โดยเฉพาะหากมีการติดเชื้อที่หูเรื้อรัง
การรักษา
การติดเชื้อที่หูในระดับที่ไม่รุนแรงนั้นสามารถหายได้เองโดยที่ไม่ต้องรักษา ในบางครั้งการใช้วิธีต่อไปนี้อาจจะช่วยบรรเทาอาการของการติดเชื้อที่หูแบบไม่รุนแรงได้
- ใช้ผ้าอุ่นประคบที่หูข้างที่มีอาการ
- รับประทานยาแก้ปวดเช่น ibuprofen หรือพาราเซตามอล
- ใช้ยาหยอดหูเพื่อบรรเทาอาการปวด
- รับประทานยาลดอาการคัดจมูกเช่น pseudoephedrine
หากอาการนั้นรุนแรงขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะหากมีการติดเชื้อที่หูเรื้อรังหรืออาการไม่ดีขึ้น หากผู้ป่วยเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี แพทย์มักจะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเช่นกัน ซึ่งหากได้รับยาปฏิชีวนะควรรับประทานให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
การผ่าตัดนั้นอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาหากไม่สามารถกำจัดการติดเชื้อได้ด้วยการใช้ยาหรือถ้าหากคุณมีการติดเชื้อซ้ำๆ หลายๆ ครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนมากมักเป็นการใส่ท่อขนาดเล็กเข้าไปในหูเพื่อให้สารน้ำนั้นไหลออกมาข้างนอก ในรายที่เกี่ยวข้องกับการมีต่อม adenoid โต อาจจะต้องทำการผ่าตัดต่อม adenoid
ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
การติดเชื้อที่หูนั้นมักจะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่สามารถกลับเป็นซ้ำได้ ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยแต่รุนแรงที่อาจจะเกิดจากการติดเชื้อในหู
- สูญเสียการได้ยิน
- พัฒนาการด้านการพูดหรือภาษาช้าในเด็ก
- มีการติดเชื้อที่กระดูกบริเวณใกล้เคียง
- เยื่อบุสมองอักเสบ
- เยื่อแก้วหูทะลุ
การป้องกัน
ต่อไปนี้เป็นวิธีที่อาจจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่หูได้
- ล้างมือบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน
- หยุดใช้จุกหลอกในเด็กทารกและเด็กเล็ก
- เลี้ยงทารกด้วยนมแม่
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับควันบุหรี่ รับวัคซีนตามกำหนด