สิวอุดตัน เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสิวทั้งหมดบนใบหน้า ถึงแม้สิวอุดตันจะมองเห็นได้ไม่ชัด แต่เมื่อสัมผัสลงบนผิวหน้าหรือเปิดไฟส่องบริเวณใบหน้าให้ดี จะพบสิวอุดตันทั้งหัวปิดและหัวเปิด ก่อให้เกิดความรำคาญได้อย่างมาก ปัจจุบันมีเวชสำอางหรือครีมบำรุง ที่มีส่วนประกอบออกฤทธิ์ลดการเกิดสิวได้ แต่หากยังไม่ได้ผล วิธีหนึ่งที่จะรักษาสิวชนิดนี้คือใช้ยารักษาสิว ซึ่งมีทั้งแบบรับประทานและยารักษาสิวแบบทา ที่จะช่วยให้สิวอุดตันหลุดออกมาง่ายยิ่งขึ้่น ตามตัวอย่างดังนี้
ยารักษาสิวอุดตันแบบรับประทาน
ตัวอย่างยารักษาสิวอุดตันแบบรับประทาน พร้อมวิธีใช้และข้อควรระวัง ได้แก่
รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ไอโซเตรทิโนอิน (Isotretinoin) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่ช่วยรักษาสิวขนาดใหญ่และมักขึ้นที่เดิมซ้ำๆ โดยเข้าไปลดผลของฮอร์โมนแอนโดรเจนที่กระตุ้นให้เกิดสิว ขนาดที่แนะนำให้รับประทานเริ่มต้นที่ 0.1-1.0 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม/วัน รวมตลอดจนจบการรักษาไม่ควรกินยารักษาสิวเกิน 120-150 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ยารักษาสิวกลุ่มนี้ เนื่องจากมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เป็นตัวยาฆ่าเชื้อ P. acne ที่เป็นต้นเหตุในการเกิดสิว ตัวยาที่ใช้ ได้แก่ กลุ่มเตตระไซคลิน (Tetracyclin) กลุ่มแมคโครไลด์ (Macrolide) และกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Combination sulfonamide) โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณายารักษาสิวแบบนี้ให้เช่นกัน
- ยาคุมกำเนิด (Oral contraceptive) ลดสิวอุดตันที่เกิดขึ้นจากฮอร์โมนที่ผิดปกติ หากยังไม่มั่นใจว่าเป็นสิวฮอร์โมน ยังไม่แนะนำให้รับประทาน เนื่องจากมีผลข้างเคียงอื่นๆ
ยารักษาสิวอุดตันแบบทา
ตัวอย่างยารักษาสิวอุดตันแบบทาและวิธีใช้เพื่อความปลอดภัย มีดังนี้
- เบนโซอิลเพอออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เป็นตัวยารักษาสิวที่ช่วยลดสิวอุดตันได้ดี แนะนำทาเริ่มต้นที่ 2.5 % เป็นประจำ ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออก จะทำให้สิวอุดตันที่เป็นอยู่เดิมหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น และลดการเกิดสิวอุดตันใหม่ นอกจากนี้ยารักษาสิวแบบนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อสิว P. acne ได้ดีอีกด้วย
- อะซีเลอิกแอซิด (Azelaic acid) เป็นตัวยาที่ช่วยลดการอุดตันของผิวหนังได้ดีเช่นเดียวกัน แนะนำที่ความเข้มข้น 10-20 % ใช้ทาเป็นประจำเช้า-เย็น จะทำให้สิวอุดตันหลุดออกมาได้เอง และลดการเกิดสิวอุดตันใหม่ นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการอักเสบและลดรอยสิว ตัวยามีความระคายเคืองน้อยกว่าเบนโซอิลเพอออกไซด์ และสามารถใช้ในคนท้องได้อย่างปลอดภัย
- ซาลิซิลิคแอซิด (Salicylic acid) หรืออีกชื่อหนึ่งคือบีเอชเอ (BHA) เป็นตัวยาที่ช่วยลดสิวอุดตันอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีฤทธิ์ค่อนข้างอ่อนกว่าตัวยาอื่น
- อนุพันธ์ของวิตามินเอ (Topical retinoid) เป็นตัวยาที่ใช้รักษาสิวมากว่า 30 ปี มีผลช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการเกิดสิวอุดตัน และยังช่วยละลายหัวสิวอุดตันได้ จึงถูกจัดให้เป็นตัวยาแรก (First line therapy) ในการรักษาสิว การนำตัวยาอื่นๆ ที่กล่าวไปข้างต้นมาใช้ร่วมกันกับยาชนิดนี้จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพการรักษาสิวอุดตันเพิ่มมากขึ้น
- พีเอชเอ (PHA) เป็นกรดอ่อนๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยนกว่ากลุ่ม AHA และ BHA มีส่วนช่วยลดสิวอุดตันได้ ผู้ใช้กรดชนิดนี้มีโอกาสระคายเคืองได้น้อยกว่าใช้กรดชนิดอื่นๆ
การรักษาสิวอุดตันนั้นสามารถรักษาประกอบกันได้ทั้งยารักษาสิวแบบรับประทานและยารักษาสิวแบบทาเฉพาะที่ ตัวยาแรกที่แนะนำให้ใช้คือกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอแบบทา เพราะช่วยลดสิวอุดตันเก่าที่เป็นอยู่แล้ว ป้องกันการเกิดสิวอุดตันใหม่ และช่วย ฆ่าเชื้อสิวได้ด้วย นอกจากนั้นยังแนะนำใช้ยาตัวอื่นได้แก่ Benzoyl peroxide และยาฆ่าเชื้อสิวเพื่อเสริมฤทธิ์การรักษาสิวให้ได้ดีขึ้น แต่สำหรับยารักษาสิวแบบรับประทาน จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรงของสิวก่อนเริ่มยา เนื่องจาก มีผลข้างเคียงที่มากขึ้น และต้องเฝ้าระวังการแพ้ยาด้วย
หากต้องการรักษาสิวอุดตันเบื้องต้น สามารถหาซื้อยามาใช้ได้เองจากร้านขายยาทั่วไป แต่ควรศึกษาให้เข้าใจ ถึงวิธีการใช้ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วสิวอาจขึ้นมากกว่าเดิมก็เป็นได้