การเปลี่ยนแปลงของประจำเดือนเพียงเล็กน้อยเป็นบางเดือนถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ประจำเดือนอาจมาเร็วขึ้นหรือช้าลง หรืออาจมีปริมาณมากหรือน้อย แต่หากประจำเดือนมาผิดปกติทุกเดือน ไม่แน่ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนบางอย่างให้คุณรู้ นอกจากการตั้งครรภ์จะทำให้ประจำเดือนไม่มาแล้ว การเปลี่ยนแปลงวิธีออกกำลังกาย ความเครียด หรือแม้แต่การทานยาบางชนิดก็สามารถทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้ สำหรับยาที่ส่งผลต่อประจำเดือนมีดังนี้
1. ยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดมักทำให้ประจำเดือนมาน้อย สั้นลง และบ่อยกว่าปกติ ซึ่งบางครั้งเราจะนำยาคุมกำเนิดมาใช้รักษาผู้หญิงที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งผู้ป่วยจะมีเลือดประจำเดือนมาก และปวดท้องเกร็งอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม หากคุณทานยาเม็ดคุมกำเนิดประเภทที่มีฮอร์โมนโปรเจสติน ประจำเดือนของคุณอาจมาน้อยกว่าที่เคย ผู้หญิงบางคนมีเลือดออกระหว่างรอบเดือนปกติเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากทานยา ในขณะที่ผู้หญิงบางคนไม่มีประจำเดือนในเดือนหลังจากที่ตัวเองหยุดทานยาคุมกำเนิด
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2. ฮอร์โมนบำบัด
ในระหว่างที่คุณอยู่ในช่วงวัยใกล้หมดระดู ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประจำเดือนของคุณมาแบบคาดการณ์ไม่ได้ และมักมามากกว่าปกติ ทั้งนี้การใช้ฮอร์โมนบำบัด โดยประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจสเตอโรน หรือใช้แบบผสมผสาน ก็สามารถทำให้รอบเดือนของคุณกลับมาเป็นปกติ แต่ทั้งนี้คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีนี้ค่ะ
3. วาร์ฟาริน
ยาชนิดนี้ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม และใช้ป้องกันการเกิดภาวะอุดตันของหลอดเลือด แต่หากคุณทานยาชนิดนี้ และมีเลือดประจำเดือนออกมามากกว่าปกติ หรือมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน คุณก็ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบค่ะ
4. แอสไพรินและNSAIDS
แอสไพรินสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแพทย์ถึงจ่ายยาชนิดนี้ให้กับคนที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดอุดตัน แต่ถ้าคุณทานยาแอสไพรินเป็นประจำ คุณอาจสังเกตได้ว่าประจำเดือนมามากขึ้นหรือนานกว่าปกติ ในขณะที่ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่ สเตียรอยด์อย่างไอบูโพรเฟนและนาพรอกเซน สามารถทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง หากคุณพบความผิดปกติดังกล่าว คุณก็ควรไปพบแพทย์
5. ยารักษาโรคไทรอยด์
ไทรอยด์คือต่อมชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนบางชนิด แต่หากฮอร์โมนถูกผลิตออกมาไม่เพียงพอ มันก็จะทำให้เกิดภาวะขาดไทรอยด์ ส่งผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติ ทั้งนี้ยาที่นิยมใช้รักษาภาวะดังกล่าวคือ ยาเลโวไทรอกซีน ซึ่งมันจะทำหน้าที่ทดแทนฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมไทรอยด์ และมันก็สามารถทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติเช่นกัน
6. ยารักษาโรคซึมเศร้า
มีนักวิจัยพบว่า ผู้หญิงบางคนที่ทานยารักษาโรคซึมเศร้ามีความผิดปกติเกี่ยวกับประจำเดือน อย่างการปวดท้องเกร็ง มีเลือดออกมาก หรือประจำเดือนขาด อย่างไรก็ดี คุณมีแนวโน้มที่จะพบความผิดปกติในช่วง 3 เดือนแรกหลังจากเริ่มทานยา แต่ถ้าประจำเดือนยังคงมาผิดปกติหลังจากนั้น คุณก็อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีอาการที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน หรือที่เรียกว่า Premenstrual Dysphoric Disorder (PMDD) การทานยารักษาโรคซึมเศร้าก็อาจช่วยบรรเทาอาการได้
7. ยารักษาโรคลมชัก
มีงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่เป็นโรคลมชัก และทานยาต้านชักหลายคนพบว่าประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงความยาวของรอบเดือน ทั้งนี้หากคุณได้รับผลข้างเคียงดังกล่าว คุณก็ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคุณไม่ได้ตกอยู่ในภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
8. การรักษาด้วยเคมีบำบัด
การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัดสามารถทำให้รอบเดือนของคุณเปลี่ยนไปจากเดิม และทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือมีประจำเดือนมากกว่าเดิม ในบางครั้งประจำเดือนของคุณอาจหายไปอย่างสิ้นเชิง หากคุณมีอายุน้อยกว่า 40 ปี ประจำเดือนจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่คุณจบการรักษา
จากที่กล่าวไปจะเห็นได้ว่า การทานยาก็สามารถทำให้ประจำเดือนของเรามาผิดปกติ ไม่ว่าจะมาช้าหรือเร็วขึ้น หรือมีปริมาณมากขึ้นหรือน้อยลง แต่หากคุณหยุดทานยาแล้วประจำเดือนก็ยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม คราวนี้ก็คงถึงเวลาที่คุณต้องไปพบแพทย์ค่ะ