การตั้งครรภ์บางครั้งก็อยู่เหนือการคาดเดา ยิ่งผู้ที่ยังไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน ยิ่งคาดเดาได้ยาก แต่เทคโนโลยีสมัยนี้ก็ช่วยให้ผู้หญิงสามารถทดสอบการตั้งครรภ์ได้ด้วยตนเองก่อนจะไปพบแพทย์ เรากำลังพูดถึง "ที่ตรวจครรภ์" หรือ "ชุดทดสอบการตั้งครรภ์" ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป แถมยังให้ผลแม่นยำได้ถึง 90%
เมื่อไรที่ควรใช้ที่ตรวจครรภ์
สำหรับคุณผู้หญิงที่สงสัยว่า อาจจะตั้งครรภ์ สามารถสังเกตอาการของตัวเองได้เบื้องต้นโดยที่ยังไม่ต้องไปพบแพทย์ ดังนี้
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาด
- อ่อนเพลียผิดปกติ
- เต้านมขยายและมีอาการเจ็บ
หากพบว่า ตนเองมีอาการเข้าข่ายต่อไปนี้ โดยเฉพาะประจำเดือนไม่มาตามปกติ สิ่งต่อไปที่ควรทำคือ ซื้อ "ที่ตรวจครรภ์" มาตรวจด้วยตนเองก่อน
ที่ตรวจครรภ์วัดการตั้งครรภ์ได้อย่างไร
ที่ตรวจครรภ์เป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่สามารถวัดค่า หรือแสดงผลได้ทันที ไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์อื่นๆ นอกเหนือจากที่ให้มาในชุดช่วยตรวจสอบ หากจะพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาฮอร์โมนตั้งครรภ์ เช่นเดียวกับการตรวจในทางการแพทย์ที่เรียกว่า "การทดสอบหาฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin)" ในน้ำปัสสาวะของผู้หญิง
ฮอร์โมน HCG นี้จะสร้างจากเซลล์ตัวอ่อนของมนุษย์หลังปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน และจะมีปริมาณสูงขึ้นเมื่อปฏิสนธิได้ 8 -12 สัปดาห์ขึ้นไป ดังนั้นหากตรวจพบฮอร์โมนนี้นั่นหมายความว่า "กำลังตั้งครรภ์"
การตรวจนี้มีความแม่นยำมากถึง 90% และสามารถตรวจได้อย่างแม่นยำในรายที่มีการขาดประจำเดือนตั้งแต่วันที่ 10-14 ขึ้นไป
รูปแบบของที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง และวิธีใช้
แบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests)
จะมีแค่แท่งทดสอบการตั้งครรภ์ เป็นแบบที่ใช้ง่ายไม่ต้องเก็บปัสสาวะใส่ถ้วยจึงสะดวกและได้ผลค่อนข้างแม่นยำ
- ถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง
- ปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที
- ถือ หรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบประมาณ 30 วินาทีเป็นต้นไป (หรืออ่านผลเมื่อทิ้งไว้ 3-5 นาทีเพื่อความมั่นใจ)
แบบตลับหรือแบบหยด (Pregnancy Test Cassette)
ในชุดจะมีถ้วยตวงปัสสาวะและหลอดหยดสำหรับดูดน้ำปัสสาวะ
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ข้อดีของที่ตรวจครรภ์แบบหยดคือ สามารถควบคุมปริมาณปัสสาวะได้ คือ ใช้เพียง 3-4 หยด และช่วยลดโอกาสแผ่นทดสอบเสียจากการดูดซับน้ำปัสสาวะของชุดทดสอบได้
- ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง
- นำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะในปริมาณพอเหมาะ
- หยดน้ำปัสสาวะลงบนตลับทดสอบประมาณ 3-4 หยด
- วางชุดทดสอบทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงอ่านผลการทดสอบ
แบบแถบจุ่ม (Test Strip)
ประกอบด้วยแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ บางยี่ห้อมีถ้วยตวงปัสสาวะ แต่บางยี่ห้อไม่มี ข้อดีคือราคาถูกที่สุดใน 3 แบบ แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะสูงเกินกว่าขีดที่กำหนดเพราะอาจทำให้แผ่นทดสอบเสื่อมสภาพได้
- เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง ถ้าหากบางยี่ห้อไม่มี ให้หาภาชนะเล็กๆที่สะอาดสำหรับรองปัสสาวะ และให้ใช้แล้วทิ้ง
- นำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะ 3 วินาทีระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนด
- นำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือ หรือวางไว้ในแนวนอน บนพื้นที่แห้งสนิทเท่านั้น
- อ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 1-5 นาที
แบบดิจิตอล (Digital Pregnancy Tests)
เป็นที่ตรวจครรภ์ประเภทที่มีราคาสูงที่สุด เป็นแบบที่ใช้ง่าย ไม่ต้องเก็บปัสสาวะใส่ถ้วยจึงสะดวก และรู้ผลค่อนข้างแม่นยำ
- ถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง
- ปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะให้ชุ่ม
- ถือ หรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบประมาณ 3 วินาทีเท่านั้น
วิธีการอ่านผลของที่ตรวจครรภ์
การใช้ที่ตรวจครรภ์เป็นการวัดขีดซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการหยดฉี่ หรือน้ำปัสสาวะ ในที่ตรวจครรภ์ แนะนำให้อ่านค่าหลังจากที่ทิ้งไว้ 5 นาทีจะเป็นค่าที่แม่นยำที่สุด (ห้ามทิ้งไว้นานกว่านั้นเพราะอาจทำให้ค่าเปลี่ยนแปลง เช่น มีขีดเพิ่มขึ้นมาได้)
ขีดในแถบวัดจะมีขีด 2 ขีด ขีดแรกคือ C (Control Line) และอีกขีดคือ (Test Line) สำหรับผลที่เกิดขึ้นจะมี 3 ประเภท
- มีขีดขึ้น 1 ขีดที่ C นั่นหมายถึง น่าจะไม่ตั้งครรภ์
- มีขีดขึ้น 2 ขีดทั้ง C และ T แถบคู่กัน หมายถึง กำลังท้อง
- ไม่มีขีดขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ที่จะขึ้นขีดเดียวที่ T นั่นหมายถึง อ่านค่าไม่ได้ เก็บปัสสาวะไม่ถูกวิธี ปัสสาวะเก่า หรือชุดทดสอบเสีย ควรซื้อชุดใหม่มาทดสอบ
ในกรณีที่พบขีดที่ 2 นั้น บางครั้งอาจจะไม่ชัดเนื่องจากเพิ่งพบฮอร์โมน HCG ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน ฉะนั้นหากต้องการความแม่นยำที่สุดควรตรวจในช่วงที่ขาดประจำเดือนไปแล้ว 10-14 วัน ซึ่งผลที่ได้จะชัดเจนกว่า 90% เลยทีเดียว
ทั้งนี้ผลที่ได้จากที่ตรวจครรภ์นั้นสามารถบ่งบอกได้แค่ว่า มีแนวโน้มตั้งครรภ์ หรือไม่เท่านั้น แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า มีการตั้งครรภ์ในมดลูก หรือนอกมดลูก ไม่ว่าจะใช้ที่ตรวจครรภ์กี่ชุด หรือกี่ยี่ห้อก็ตาม ดังนั้นเพื่อความมั่นใจควรไปตรวจการตั้งครรภ์กับแพทย์อีกครั้ง
คำแนะนำในการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง
- อ่านคำแนะนำ และทำความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์อย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นๆ อย่างเคร่งครัด
- การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเป็นการตรวจหาการตั้งครรภ์เบื้องต้นเท่านั้น คุณควรตรวจยืนยันผลการตั้งครรภ์โดยแพทย์ ด้วยการวินิจฉัยทางคลินิกและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
- การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเพียงครั้งเดียวยังไม่เพียงพอต่อการยืนยันผลเบื้องต้นได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมน HCG ในหญิงตั้งครรภ์จะมีระดับที่แตกต่างกันในช่วงกว้าง ซึ่งการตรวจครั้งที่ 2 ในอีก 2-3 วันถัดมาจะให้ผลที่น่าเชื่อถือและแน่นอนกว่า เพราะบางครั้งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับความไวของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ (ต่ำกว่า 20 mIU/ml.) จึงทำให้การตรวจในครั้งแรกยังไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ เป็นต้น
- การตรวจปัสสาวะ ควรใช้ปัสสาวะหลังจากตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจะให้ผลดีที่สุด แต่เวลาอื่นก็ได้ผลเหมือนกัน แต่สำคัญว่าต้องใช้ปัสสาวะสดๆ หรือเป็นปัสสาวะใหม่เท่านั้น
- ชุดทดสอบเมื่อซื้อมาแล้วสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติได้ (ไม่เกิน 30 องศา) หลีกเลี่ยงแสงแดด และความชื้น
- เมื่อฉีกซองออกแล้ว ต้องตรวจทันทีจึงจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ แต่ถ้าฉีกแล้วยังไม่ตรวจก็สามารถเก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะหากโดนความชื้น จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจทำให้ผลตรวจเกิดความผิดพลาดได้
- ในการทดสอบซ้ำ ให้เว้นระยะห่างจากการทดสอบครั้งแรกอย่างน้อย 2-3 วัน
ในระหว่างนี้ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจว่า ตนเองตั้งครรภ์หรือไม่ แต่คุณผู้หญิงก็ควรต้องระวังเรื่องการรับประทานยาทุกชนิดโดยเฉพาะยาปฏิชีวนะบางชนิดที่มีผลร้ายแรงต่อทารกในครรภ์มาก และควรดูแลตนเองมากเป็นพิเศษจนกว่าจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากแพทย์