ออทิสติก คือ ความผิดปกติของสมองอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความบกพร่องของพัฒนาการเกี่ยวกับพฤติกรรมและความสนใจ ทักษะการสื่อสารและการใช้ภาษา และทักษะทางสังคม การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ออทิสติกอาจแสดงอาการตั้งแต่วัยเด็กเล็กและต่อเนื่องไปถึงวัยผู้ใหญ่ ส่วนรูปแบบอาการออทิสติกที่แสดงออกและความรุนแรงอาจแตกต่างกันได้ในแต่ละบุคคล สภาพแวดล้อม และแตกต่างกันในแต่ละช่วงชีวิตของผู้ป่วยออทิสติกเองด้วย
ลักษณะเฉพาะของออทิสติก
ลักษณะและอาการของผู้ป่วยออทิสติกนั้นอาจแตกต่างกันในแต่ละคนและแตกต่างกันไปในแต่ละสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ผู้ป่วยออทิสติกยังสามารถมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงชีวิตของพวกเขาได้อีกด้วย นั่นคือเหตุผลที่โรคออทิสติกนี้จึงมักถูกเรียกว่า "ความผิดปกติแบบสเปกตรัม (Spectrum disorder)" ซึ่งหมายถึงมีความรุนแรงและรูปแบบอาการที่ผันแปรไปได้หลายอย่าง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ลักษณะของกลุ่มอาการออทิสติก สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มหลัก ๆ ได้แก่:
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Social interaction)
- การสื่อสารทางสังคม (Social communication)
- จินตนาการทางสังคม (Social imagination)
ลักษณะเฉพาะตัวเริ่มแรกของกลุ่มอาการออทิสติกมักจะสามารถสังเกตเห็นได้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี อย่างไรก็ตามในเด็กออทิสติกบางคน อาการออทิสติกอาจจะไม่ปรากฏให้เห็นจนกว่าจะโตขึ้นกว่านั้น
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ผู้ป่วยออทิสติกมักรู้สึกว่า ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ได้ยาก โดยอาจจะ:
- ชอบปลีกตัว รักสันโดษ
- สนใจคนอื่นน้อย หรือไม่สนใจเลย
- ไม่เป็นมิตร
- ไม่หลงเสน่ห์ หรือดึงดูดใจเหมือนคนอื่นทั่วไป หรือต่อต้านการสัมผัสทางกายภาพ เช่น การจูบ การกอด
- ไม่ค่อยสบตากับคนอื่น บางคนอาจไม่พูดเลย
- ต้องการมีการติดต่อทางสังคมกับคนอื่น ๆ แต่มีปัญหาอย่างหนักว่า ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
- ไม่เข้าใจอารมณ์ของคนอื่น และมีปัญหาในการจัดการอารมณ์ของตัวเอง
- ชอบที่จะอยู่คนเดียว
การสื่อสารทางสังคม
ผู้ป่วยออทิสติก อาจมีปัญหาในการใช้ทักษะการสื่อสารทั้งแบบใช้ถ้อยคำ และแบบไม่ใช้ถ้อยคำ และบางคนอาจไม่สามารถพูดคำพูดใด ๆ ได้เลยตลอดชีวิต ผู้ป่วยออทิสติกที่สามารถพูดได้นั้น ก็อาจใช้คำพูดในรูปแบบที่ซับซ้อนเกินคนปกติทั่วไป บางรายอาจจะพบว่า ใช้วลีแปลก ๆ หรือคำพูดแปลกๆ ผุ้ป่วยออทิสติกยังสามารถสร้างคำ หรือวลีของตนเองขึ้นมาพูดเองได้ และใช้คำมากกว่าที่จำเป็นเพื่ออธิบายสิ่งที่เรียบง่าย นอกจากนี้ผู้ป่วยออทิสติกบางคนอาจมีอาการพูดเลียนแบบ (echolalia) คือ การพูดซ้ำคำที่มีความหมายน้อยนิด หรือพูดซ้ำๆในสิ่งที่คนอื่นพูดกับตน
ผู้ป่วยออทิสติกดังกล่าวมักจะมีปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้:
- การแสดงตัวตนในรูปแบบที่เหมาะสม
- การทำความเข้าใจถึงท่าทางต่างๆ การแสดงออกทางสีหน้า หรือโทนเสียงของผู้อื่น
- การใช้ภาษากายในการสื่อสาร
- การทำความเข้าใจคำสั่ง
จินตนาการทางสังคม
เด็กออทิสติก อาจมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนี้:
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- เล่นแบบใช้จินตนาการได้น้อย
- เล่นเกมเดิมซ้ำไปซ้ำมา หรือเล่นเกมที่ออกแบบมาสำหรับเด็กอายุน้อยกว่าตัวเอง
- อารมณ์เสียหากกิจวัตรประจำวันของพวกเขาถูกขัดจังหวะไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตาม
- แสดงพฤติกรรมที่ซ้ำๆ เช่น ปรบมือซ้ำๆ หรือหมุนไปหมุนมา
นอกจากนี้เด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นออทิสติกอาจมีความหมกมุ่นอย่างหนัก เช่น หมกหมุ่นกับวัตถุ รายการ ตารางเวลา หรือกิจวัตรที่เฉพาะเจาะจงบางอย่างที่เป็นแบบแผน เปลี่ยนแปลงได้ยาก
ปัญหาทางประสาทสัมผัส (Sensory difficulties)
คนส่วนใหญ่ที่เป็นออทิสติกมักมีปัญหาทางประสาทสัมผัสร่วมด้วย หมายความว่า ผู้ป่วยออทิสติกอาจมีความไวต่อสัมผัสบางอย่าง เช่น การสัมผัสจากคนอื่น พื้นผิวบางชนิด แสงจ้า หรือเสียงที่ดัง ปัญหาทางประสาทสัมผัสยังสามารถนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวตามมา ผู้ป่วยออทิสติกจึงอาจดูว่า มีท่าทางเงอะงะ หรือมีการเดินที่ผิดปกติไปจากคนทั่วไป
อาการของผู้ป่วยออทิสติก
กลุ่มอาการหลักๆ ของออทิสติก คือ ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หากสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ในบุตรหลานของคุณควรรีบปรึกษาแพทย์ว่า ใช่อาการออทิสติกหรือไม่
อาการแสดงในเด็กออทิสติกในช่วงก่อนวัยเรียน (pre-school children)
ภาษาพูด
- การพัฒนาทางการพูดช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน เช่น ยังพูดคำที่แตกต่างกันได้น้อยกว่า 50 คำ เมื่ออายุครบสองปี หรือไม่พูดเลย
- พูดกลุ่มคำ หรือวลีซ้ำไปมาอยู่บ่อยครั้ง
- น้ำเสียงการพูดราบเรียบ ไม่มีอารมณ์ปนอยู่
- เลือกที่จะสื่อสารโดยใช้คำเพียงคำเดียว แม้ว่าการสื่อสารนั้นจะสามารถพูดเป็นประโยคได้ก็ตาม
การตอบสนองต่อผู้อื่น
- ไม่ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ แม้ว่าการได้ยินของพวกเขาจะปกติก็ตาม
- ปฏิเสธการกอดจากพ่อแม่ หรือผู้ดูแล แม้ว่าพวกเขาอาจจะเป็นฝ่ายเริ่มกอดเองก็ตาม
- ทำท่าทีไม่พอใจ หรือท่าทางแปลกประหลาดอย่างมากเมื่อมีคนขอให้ทำอะไรบางอย่าง
การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ไม่ได้รับรู้ หรือตระหนักถึงพื้นที่ส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือเพิกเฉยอย่างแปลกประหลาดในกรณีที่มีคนอื่นรุกล้ำเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวของตนเอง
- ไม่ค่อยสนใจในการพูดคุยโต้ตอบกับคนอื่นรวมถึงเด็กที่มีอายุใกล้เคียงกัน
- ไม่มีอารมณ์สนุกร่วมไปกับสถานการณ์ที่เด็กในวัยของพวกเขาชอบ เช่น ปาร์ตี้งานวันเกิด
- เลือกที่จะเล่นคนเดียวแทนที่จะขอให้คนอื่นเล่นกับพวกเขา
- ไม่ค่อยใช้ภาษากาย หรือการแสดงออกทางสีหน้าในการสื่อสาร
- หลีกเลี่ยงการสบตา
พฤติกรรม
- มีการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เช่น สะบัดมือไปมา โยกตัวไปมา หรือสะบัดนิ้วมือ
- เล่นกับของเล่นเดิมแบบไม่มีจินตนาการซ้ำไปซ้ำมา เช่น เรียงลำดับบล็อกพลาสติกตามขนาดหรือสี แทนที่จะเรียงบล็อกเพื่อสร้างบางสิ่งบางอย่าง
- ชอบที่จะมีกิจวัตรประจำวันแบบเดิม และจะอารมณ์เสียมากขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรเหล่านี้ไป
- มีความรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบอาหารบางชนิดอย่างมาก โดยให้ความสำคัญกับพื้นผิว หรือสีของอาหารเหล่านั้นพอ ๆ กับรสชาติ
- มีความสนใจทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติและไม่สมควรทำ เช่น สูดดมกลิ่นของเล่น วัตถุต่าง ๆ หรือคน
อาการและอาการแสดงของเด็กออทิสติกในช่วงวัยเรียน (school-age children)
ภาษาพูด
- เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการสื่อสารด้วยการพูด
- พูดน้ำเสียงโทนเดียว ราบเรียบ
- พูดวลีในรูปแบบที่เคยได้ยินมาก่อนเท่านั้น แทนที่จะนำคำแต่ละคำมารวมกันเพื่อสร้างประโยคใหม่เป็นภาษาพูดของตนเอง
- เวลาพูดจะฟังดูเหมือนเป็นการพูดกับผู้อื่น แทนที่จะเป็นการพูดคุยกัน หรือการสนทนาสองทาง ไม่สามารถพูดคุยต่อเนื่องกับผู้อื่นได้
การตอบสนองต่อผู้อื่น
- เข้าใจความหมายคำพูดของผู้อื่นแบบตรงตัวอักษร และไม่สามารถเข้าใจคำพูดล้อเลียน คำพูดอุปมาอุปไมย หรือคำเปรียบเปรยได้
- ทำท่าทีไม่พอใจ หรือท่าทางแปลกประหลาด เมื่อมีคนขอให้ทำอะไรบางอย่าง
การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ไม่ได้รับรู้ หรือตระหนักถึงพื้นที่ส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือมีทีท่าเพิกเฉยแม้จะมีคนอื่นรุกล้ำเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวของตนเอง
- ไม่ค่อยสนใจในการพูดคุยโต้ตอบกับคนอื่นรวมถึงเด็กที่มีอายุใกล้เคียงกัน หรือมีเพื่อนสนิทน้อยมากแม้จะพยายามอย่างมากเพื่อจะผูกมิตร
- ไม่เข้าใจว่าคนทั่วไปมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างไร เช่น การทักทายผู้อื่น หรือการอำลา
- ไม่สามารถปรับโทนเสียงและเนื้อหาของคำพูดของตนให้เข้ากับสถานการณ์ทางสังคมที่แตกต่างกันได้ เช่น พูดเป็นทางการอย่างมากในงานปาร์ตี้ หรือพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนด้้วยวิธีการพูดที่คุ้นเคย
- ไม่มีอารมณ์สนุกร่วมไปกับสถานการณ์ที่เด็กในวัยของพวกเขาชอบ
- ไม่ค่อยใช้ท่าทาง ภาษากาย หรือการแสดงออกทางสีหน้าในการสื่อสาร
- หลีกเลี่ยงการสบตา
พฤติกรรม
- มีการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เช่น สะบัดมือไปมา โยกตัวไปมา หรือสะบัดนิ้วมือ
- เล่นกับของเล่นเดิมแบบไม่มีจินตนาการซ้ำไปซ้ำมา และมักจะชอบเล่นกับวัตถุสิ่งของมากกว่าเล่นกับคนอื่น
- มีความสนใจในวัตถุ หรือกิจกรรมเฉพาะชนิดหนึ่งอย่างมาก
- ชอบที่จะมีกิจวัตรประจำวันแบบเดิม และจะอารมณ์เสียมากขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรเหล่านี้ไป
- มีความรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบอาหารบางชนิดอย่างมาก โดยให้ความสำคัญกับพื้นผิวหรือสีของอาหารเหล่านั้นพอ ๆ กับรสชาติ
- มีความสนใจทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ โดยอาจจะชอบแค่บางส่วนของวัตถุและทำกิจกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ซ้ำไปซ้ำมา เช่น ชอบสูดดมกลิ่นของเล่น วัตถุต่าง ๆ
เมื่อสงสัยว่า บุตรหลานอาจมีภาวะออทิสติก ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก หรือจิตแพทย์เด็กเพื่อให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยออทิสติกเร็วที่สุด แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการตรวจร่างกาย พฤติกรรม และประเมินพัฒนาการ โดยไม่มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หากผลตรวจเป็นปกติ ทุกฝ่ายก็สบายใจ แต่หากลูกหลานมีภาวะออทิสติกจริงก็จะได้รับคำอธิบายอย่างละเอียดให้เข้าใจ เพื่อนำไปสู่การวางแผนการรักษาร่วมกันต่อไปนั่นเอง