ฝีฝักบัว คือกลุ่มของรูขุมขนที่เกิดการอักเสบติดเชื้อหลายๆ รูขุมขนมารวมกัน แรกเริ่มจะมีลักษณะเป็นตุ่มบวม แดง เจ็บ และกลายเป็นหนองที่ประมาณ 3-7 วัน เมื่อมารวมตัวกันจะมีการเชื่อมต่อกันใต้ผิวหนังจนเป็นฝีขนาดใหญ่ และเห็นเป็นกลุ่มเดียว โดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 3-10 เซนติเมตร และเห็นยอดเป็นตุ่มหลายๆ ตุ่ม สีขาวหรือสีเหลืองแตกออกเป็นหนอง จึงเรียกว่า “ฝีฝักบัว”
หากเวลาผ่านไปและไม่ได้รับการรักษา ฝีฝักบัวอาจแตกออกและมีหนองสีขาวครีมหรือสีชมพูไหลออกมา มีการอักเสบไปยังเนื้อเยื่อเกี่ยวพันโดยรอบและชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ฝีฝักบัวมักเกิดตามบริเวณของร่างกายที่มีขน เช่น หลัง หลังต้นคอ ไหล่ สะโพก ก้น ต้นขา หน้า รักแร้ ฝีฝักบัวจะมีขนาดใหญ่กว่า ลึกกว่า และรุนแรงกว่าฝีทั่วไป นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการไข้ในผู้ป่วยได้ด้วย รวมทั้งอาจเกิดการบวมของผิวหนังข้างเคียงหรือต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนั้น เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ การอักเสบอาจทำให้เกิดแผลเป็น หรือในรายที่เป็นรุนแรงอาจถึงกับทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดเสียชีวิตได้
สาเหตุของการเกิดฝีฝักบัว
โดยส่วนใหญ่ฝีฝักบัวเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีถิ่นที่อยู่ตามปกติอยู่บนผิวหนังของคนเรา บริเวณช่องคอ หรือรูจมูก ซึ่งสามารถทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้โดยการผ่านเข้าไปในผิวหนังผ่านทางรูขุมขน หรือการขูด การแทง ผ่านชั้นผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งอาจไม่พบจุดทางเข้าของเชื้อที่ชัดเจน
การติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดเป็นหนอง ซึ่งประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาว แบคทีเรีย และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดฝีฝักบัว เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่มีภาวะทุพโภชนาการ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีสุขอนามัยไม่ดี ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง โรคตับ โรคไต หัวใจวาย ผู้ป่วยที่ใช้ยาสเตียรอยด์นานๆ หรือผู้มีโรคทางผิวหนังเรื้อรังที่หน้าที่การปกป้องของผิวหนังเสียไป ผู้ป่วยที่มีโรคหรือการรักษาที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ โดยทั่วไปฝีฝักบัวมักเกิดในคนวัยกลางคนหรือสูงอายุ
นอกจากนี้ฝีฝักบัวยังอาจเกิดในคนที่แข็งแรงดี แต่อยู่ร่วมกันและมีการใช้สิ่งของร่วมกัน หรือเกิดในผู้ที่ผิวมีการระคายเคืองหรือเสียดสีจากการใส่ชุดที่รัดแน่น การโกนหนวด หรือถูกแมลงสัตว์กัดต่อย โดยเฉพาะตามบริเวณของร่างกายที่มีเหงื่อออกมาก
ควรบีบฝีฝักบัวหรือไม่?
ไม่ควรทำการเจาะหรือบีบฝีฝักบัวด้วยตนเอง เนื่องจากเพิ่มโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและแผลเป็น โดยจะทำให้การติดเชื้อแพร่กระจายออกไปได้ ซึ่งนอกจากฝีฝักบัวจะสามารถกระจายไปยังบริเวณอื่นของผู้ป่วยเองแล้ว ยังสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ผ่านการสัมผัสหรือใช้สิ่งของร่วมกัน
การดูแลผิวบริเวณฝีฝักบัวให้สะอาดและเลี่ยงการสัมผัสเป็นสิ่งสำคัญ จนกว่าจะได้รับการระบายหนองออกไปจนหาย ผู้ป่วยไม่ควรรักษาฝีฝักบัวด้วยตนเอง แต่ควรพบแพทย์เพื่อการได้รับยาและการระบายหนองด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา ทำให้แผลหายเร็ว และลดโอกาสการเกิดแผลเป็น
วิธีการรักษาฝีฝักบัวที่ถูกต้อง
ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา แพทย์มักทำการระบายหนองออก และอาจนำหนองไปเพาะเชื้อแบคทีเรียเพื่อดูการตอบสนองของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ โดยส่วนใหญ่ฝีฝักบัวมักดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์หลังรักษา
วิธีการดูแลฝีฝักบัว อาจใช้การประคบอุ่น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการระบายของฝีหนองภายในและการสมานแผล อาจใช้วิธีค่อยๆ จุ่มแช่บริเวณที่เป็นฝีฝักบัวในน้ำอุ่น หรือประคบด้วยผ้าชื้นอุ่นสะอาดประมาณครั้งละ 10-20 นาที หลายๆ ครั้งต่อวัน โดยหลังการใช้ผ้าแต่ละครั้งให้ทำความสะอาดผ้าด้วยน้ำร้อน และตากหรือทำให้แห้งที่อุณหภูมิสูง ปิดบริเวณที่เป็นฝีฝักบัวด้วยผ้าพันแผลที่ปราศจากเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้การติดเชื้อแพร่กระจายออกไป ล้างมือให้สะอาดหลังมีการสัมผัสฝีฝักบัว ซักเสื้อผ้า เตียง หรือผ้าเช็ดตัวที่สัมผัสฝีฝักบัว และไม่ใช้สิ่งของเหล่านี้ร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการปวดเนื่องจากการอักเสบ สามารถใช้ยาลดปวด เช่น อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อบรรเทาอาการได้
สงสัยเพื่อนจะเป็นฝีฝักบัว.อยากทราบว่ามีหมอเฉพาะทางรักษาเชี่ยวชาญด้านนี้ไหมครับ?