ดอกพุทธรักษา เป็นสัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติหลังจากมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 เนื่องจากดอกพุทธรักษามีสีเหลืองสดและชื่อมีความหมายเป็นมงคล
เชื่อกันว่าหมายถึงพระพุทธเจ้าปกป้องรักษาให้ปลอดภัย นอกจากนี้พุทธรักษายังมีเรื่องน่ารู้อีกมากมายที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้
ทำความรู้จักพุทธรักษา
พุทธรักษา (Cannas) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Canna indica L. แต่ในประเทศไทยมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อนอกจากพุทธรักษา ดังนี้
- พุทธสร
- ปล้ะย่ะ
- บัวละวง
นอกจากนี้บางประเทศยังเรียกพุทธรักษาว่า แคนนาลิลี (Canna lily) หรือ อินเดียนช็อต (Indian shot) อีกด้วย พุทธรักษาเป็นพืชในตระกูลเดียวกับ Cannaceae
ถิ่นกำเนิดที่แท้จริงของพุทธรักษายังไม่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามาจากหมู่เกาะอินดีสตะวันตก (West indies) แถบอเมริกาใต้ เดิมทีพุทธรักษามีด้วยกันกว่า 20 ชนิด
ปัจจุบันมีการผสมข้ามสายพันธุ์ขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย ทนต่อสภาพอากาศที่แตกต่างกัน จึงทำให้พุทธรักษาได้รับความนิยมในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย
พุทธรักษามักขึ้นอยู่ตามบึงน้ำ ตามสวนป่าที่มีความชุ่มชื้นสูง และพื้นที่ที่มีดินร่วนปนทรายจะยิ่งเติบโตได้เร็ว คนไทยนิยมนำมาปลูกในกระถางเพื่อความสวยงาม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พุทธรักษาเป็นพืชล้มลุก มีล้ำต้นอยู่ใต้ดินเป็นเหง้า (Rhizome) อาจสูงประมาณ 1 เมตร ด้านในมีสีเหลืองอมขาว ด้านนอกอาจมีสีชมพู แต่เมื่อเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ลำต้นใต้ดินจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ส่วนใบอาจยาวได้ตั้งแต่ 10-30 เซนติเมตร รูปทรงรี แหลม เมื่อสัมผัสจะเป็นลายคลื่นน้อยๆ หยาบ แข็ง ขอบใบเรียบ และปลายแหลม สีของใบมีตั้งแต่สีเขียวเข้มไปจนถึงเขียวอ่อน และสีเหลือง
ดอกของพุทธรักษามีหลายสี ได้แก่ สีขาวล้วน สีโอลด์โรส สีแดงล้วน สีเหลืองล้วน แดงปนจุดเหลือง และเหลืองปนจุดแดง ดอกจะขึ้นเป็นช่อยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร ช่อละ 8-10 ดอก ในแต่ละดอกจะมีประมาณ 6-8 กลีบ
แบ่งเป็นกลีบก่อนกลีบเลี้ยง 1 กลีบ ยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงอีก 3 กลีบ สีเขียวอ่อนมีปลายสีแดงลักษณะเป็นแท่งยาวกลีบละ 1 เซนติเมตร
และกลีบดอกอีก 3-5 กลีบ ซึ่งเป็นเกสรตัวผู้แบบเป็นหมัน จึงเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นกลีบแทน กลีบเลี้ยงนี้เองที่เป็นกลีบสีสันฉูดฉาดอย่างที่เราเห็นกัน
เกสรตัวผู้ที่เป็นกลีบนี้ จะเชื่อมต่อกับเกสรปกติและเกสรตัวเมีย รังไข่มีทรงกลมอยู่บริเวณใต้กลีบเลี้ยงทั้ง 3 ใบ สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี
ผลของพุทธรักษาเป็นทรงกลมสีเขียวขนดก แต่เมื่อแก่จะค่อยๆ กลายเป็นสีน้ำตาล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร
พุทธรักษาชอบแดดปานกลางถึงแดดจัด ดินร่วนปนทราย และเติบโตได้ยากในดินเหนียวเนื่องจากไม่ทนต่อน้ำขัง แต่สามารถโตในพื้นที่ระบายน้ำได้ดีและมีน้ำชุ่ม
สรรพคุณของพุทธรักษา
พุทธรักษาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วนของต้น ดังนี้
1. ส่วนลำต้นของพุทธรักษา (เหง้า)
สามารถขุดขึ้นมาได้ตลอดทั้งปี ตัดใบและส่วนที่เป็นรากฝอยๆ ออก จากนั้นล้างให้สะอาด นำมาต้มน้ำดื่มเป็นสมุนไพร มีสรรพคุณดังนี้
- ช่วยรักษาโรคตับอักเสบตัวเหลืองได้
- ช่วยแก้โรคบิดเรื้อรัง
- ช่วยปรับสมดุลสำหรับสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- แก้ไอและไอเป็นเลือด
- แก้วัณโรค บำรุงปอด
- สามารถนำมาประกอบอาหารได้ เนื่องจากเหง้าของพุทธรักษามีแป้งเป็นจำนวนมาก
2. ส่วนดอกและใบของพุทธรักษา
ดอกและใบของพุทธรักษามีสรรพคุณรวมถึงวิธีใช้ ดังนี้
- นำดอกพุทธรักษามาตำสด ใช้พอกแผลห้ามเลือดได้
- นำใบมาเป็นส่วนในการปรุงยาแก้ไอได้
- นำใบไปใช้ห่อข้าวกิน แก้อาการจุกเสียด ท้องเสีย
3. เมล็ดของพุทธรักษา
เมล็ดของพุทธรักษาสามารถนำไปผลิตเป็นยาโดยชงด้วยน้ำร้อน เพื่อแก้อาการไอ เจ็บคอจากหวัด
ข้อควรระวังของพุทธรักษา
แม้พุทธรักษาจะมีสรรพคุณมากมาย แต่กระบวนการปลูกต้นพุทธรักษาจากบางแหล่งอาจมีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงและสารพิษ ซึ่งสารบางชนิดไม่อาจล้างออกให้หมดได้
พุทธรักษาจึงเหมาะแก่การเป็นไม้ประดับบ้านเรือนเพื่อทัศนียภาพที่สวยงามมากกว่า
ดูแพ็กเกจ ตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android