ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ในปัจจุบันนี้แพทย์จึงสามารถระบุเพศของตัวอ่อนหลังปฏิสนธิได้ โดยมีจุดประสงค์ช่วยหลีกเลี่ยงโรคทางพันธุกรรมไม่ให้ถ่ายทอดไปยังทารก และช่วยให้ครอบครัวที่มีลูกชายหรือลูกสาวแล้ว แต่อยากได้ทารกอีกเพศหนึ่งเพื่อให้ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ เพราะนอกจากไม่มีการรับรองผล 100% แล้ว การกำหนดเพศทารกยังมีราคาสูง (แบบที่แม่นยำสุด มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำประมาณ 300,000 บาท) และจะทำได้เมื่อคุณเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากเท่านั้น ซึ่งจะต้องรับยากระตุ้นระบบสืบพันธุ์ที่อาจมีผลข้างเคียงตามมา
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หากคุณตั้งใจจะเลือกเพศให้ลูกจริงๆ คลินิกหรือสถานพยาบาลที่รับดำเนินการ จะพิจารณาความเหมาะสมตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น
- คู่ของคุณต้องสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย
- มีประวัติเป็นโรคทางพันธุกรรม (ที่แสดงออกเฉพาะในเพศชายหรือหญิง)
- มีลูกแล้วอย่างน้อย 1 คน ที่มีเพศตรงข้ามกับเพศทารกที่ต้องการ
- อาจมีจำกัดอายุของแม่
- อาจมีการตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกายว่ายังอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์หรือไม่
การเลือกเพศทารกด้วยเทคโนโลยี โดยผ่านวิธีการรักษาผู้มีบุตรยาก
การเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก เป็นทางเดียวที่สามารถเลือกเพศทารกได้อย่างแม่นยำ โดย
- การทำผสมเทียม (Artificial Insemination; AI)
- การทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilization; IVF)
ทั้ง 2 วิธีนี้สามารถระบุเพศตัวอ่อนได้ และใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายไม่น้อย บางครั้งคุณอาจต้องรับยากระตุ้นระบบสืบพันธุ์ด้วย โดยแต่ละวิธี มีรายละเอียดดังนี้
การผสมเทียม (AI) การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปยังบริเวณที่เกิดการปฏิสนธิ ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่ใช้แพร่หลายที่สุด คือการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (Intrauterine Insemination; IUI) สำหรับการทำ IUI แพทย์จะใช้ท่อขนาดเล็ก (Catheter) นำเชื้ออสุจิเข้าไปยังมดลูกโดยตรง วิธีนี้ต้องให้ยากระตุ้นระบบสืบพันธุ์ในผู้หญิงก่อน
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) วิธีนี้จะเกิดการปฏิสนธินอกร่างกาย คุณผู้หญิงจะต้องรับยาเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่จำนวนมากสำหรับการปฏิสนธิ เมื่อไข่พร้อมสำหรับการเก็บแล้ว แพทย์จะวางยาสลบและสอดหัวตรวจอัลตร้าซาวน์เข้าทางช่องคลอด เพื่อตรวจสภาพรังไข่และฟอลลิเคิล (ถุงที่บรรจุของเหลวภายใน ซึ่งเป็นสถานที่เจริญเติบโตของไข่) จากนั้นแพทย์จะสอดเข็มเข้าทางช่องคลอดเพื่อนำไข่ออกมาจากฟอลลิเคิล
ไข่จะถูกนำมาปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิในจานเพาะเชื้อ เมื่อผ่านไป 3-5 วัน แพทย์จะนำตัวอ่อน (Embryo) ที่เกิดจากการปฏิสนธิเข้าไปยังมดลูก โดยการสอดท่อขนาดเล็กผ่านช่องคลอดและปากมดลูก โดยจำนวนตัวอ่อนที่นำเข้าไปจะขึ้นอยู่กับอายุของแม่ คุณภาพของตัวอ่อน และประวัติการตั้งครรภ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากคุณอายุน้อยกว่า 35 ปี และตัวอ่อนแข็งแรงดี จำนวนตัวอ่อนที่นำเข้าสู่มดลูกจะไม่เกิน 2 เซลล์ และจะสามารถระบุเพศได้จาก 2 วิธี ได้แก่ การระบุเพศทารกด้วยวิธีการตรวจทางพันธุกรรมในตัวอ่อนก่อนการฝังตัว และการระบุเพศทารกด้วยวิธีแยกเพศเชื้ออสุจิ
-
การระบุเพศทารกด้วยวิธีการตรวจทางพันธุกรรมในตัวอ่อนก่อนการฝังตัว
การตรวจทางพันธุกรรมในตัวอ่อนก่อนการฝังตัว สามารถทำได้เมื่อคุณเข้ารับการรักษาด้วย IVF โดยแพทย์จะนำเซลล์ของตัวอ่อน 1-2 เซลล์ มาตรวจดูใต้กล้องจุลทรรศน์ว่าตัวอ่อนสมบูรณ์ดีเหมาะสมแก่การฝังตัวหรือไม่ และนำมาตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือโครโมโซม ก่อนนำเข้าสู่มดลูก ซึ่งการตรวจดังกล่าวสามารถบ่งบอกเพศของตัวอ่อนได้ บางคลินิกหรือโรงพยาบาลจะเรียกการตรวจนี้ว่า Preimplantation Genetic Diagnosis (PGD) หรือ Preimplantation Genetic Screening (PGS)
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
กดจุดประสงค์สำคัญในการตรวจทางพันธุกรรมในตัวอ่อน คือลดความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรมในทารก เช่น ดาวน์ซินโดรม นอกจากนี้ ยังใช้คัดกรองโรคทางพันธุกรรมบางโรคที่เป็น Sex-linked Disorders คือจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น เช่น โรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนแบบดีชีนน์ (Duchenne Muscular Dystrophy) ซึ่งแสดงอาการเฉพาะในเพศชาย ดังนั้น หากตรวจพบว่าตัวอ่อนเป็นเพศชาย และมียีนของความผิดปกติดังกล่าว ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้ตัวอ่อนนั้นฝังตัว หรือเปลี่ยนเพศตัวอ่อนเป็นเพศหญิงได้
ประสิทธิภาพในการระบุเพศของวิธีการตรวจพันธุกรรมในตัวอ่อน
สามารถระบุเพศของตัวอ่อนก่อนการฝังตัวได้ถูกต้องใกล้เคียง 100%
ข้อดีของการระบุเพศด้วยวิธีการตรวจพันธุกรรมในตัวอ่อน
- สามารถระบุเพศทารกได้อย่างแม่นยำมาก
- ตัวอ่อนที่ตรวจและทราบเพศแล้ว สามารถแช่แข็งและเก็บไว้สำหรับการฝังตัวในอนาคตได้ สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะแท้งบุตร หรืออยากมีลูกเพิ่มซึ่งมีเพศตามต้องการ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเก็บไข่และปฏิสนธิใหม่
ข้อเสียของการระบุเพศด้วยวิธีการตรวจพันธุกรรมในตัวอ่อน
- มีราคาค่อนข้างสูง
- ต้องสอดเครื่องมือเข้าทางช่องคลอด จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บ
- การรับยากระตุ้นระบบสืบพันธุ์อาจมีผลข้างเคียง เช่น น้ำหนักขึ้น บวม และตาพร่า
ค่าใช้จ่ายสำหรับการระบุเพศด้วยวิธีการตรวจพันธุกรรมในตัวอ่อน
ราคาเฉลี่ยของการทำ IVF แต่ละครั้ง อยู่ที่ประมาณ 100,000 - 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับคลินิกหรือโรงพยาบาล ส่วนการตรวจพันธุกรรมในตัวอ่อน จะมีราคาเพิ่มเติมอีกประมาณ 100,000 - 200,000 บาท ซึ่งสถานพยาบาลบางแห่งอาจให้ตรวจพันธุกรรมในตัวอ่อนเพื่อหาความผิดปกติเท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้เลือกเพศได้ ยกเว้นกรณีที่ตัวอ่อนมีความผิดปกติทางพันธุกรรม ดังนั้น ควรสอบถามทางสถานพยาบาลก่อนว่ามีบริการตรวจหรือไม่ และมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง
-
การระบุเพศทารกด้วยวิธีแยกเพศเชื้ออสุจิ (Ericsson Method)
เทคนิคนี้ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบคือ Ronald Ericssson ที่พยายามแยกอสุจิที่มีโครโมโซมเพศชาย ออกจากอสุจิที่มีโครโมโซมเพศหญิง เพื่อนำอสุจิที่มีเพศตามต้องการฉีดเข้ามายังโพรงมดลูกโดยตรง
ในการแยกเพศเชื้ออสุจิ น้ำอสุจิที่เก็บจากผู้ชาย จะถูกปล่อยให้ไหลผ่านชั้นของเหลวหนืดในหลอดทดลอง โดยอสุจิที่มีโครโมโซมเพศชายมีแนวโน้มจะเคลื่อนมาถึงก้นหลอดได้เร็วกว่า เมื่อแยกอสุจิตามเพศได้แล้ว ก็สามารถนำไปใช้ปฏิสนธิเพื่อให้ได้ตัวอ่อนเพศที่ต้องการได้
ประสิทธิภาพในการระบุเพศของวิธีการแยกเพศอสุจิ
เทคนิคนี้ได้ผล 78-85% ในการเลือกเพศชาย และได้ผล 73-75% ในการเลือกเพศหญิง
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
กดข้อดีของวิธีการแยกเพศอสุจิ
- มีราคาไม่แพง
- ไม่มีการสอดเครื่องมือผ่านทางช่องคลอดเพศหญิง
- ค่อนข้างปลอดภัย
ข้อเสียของวิธีการแยกเพศอสุจิ
- อัตราความสำเร็จอาจไม่สูงมากนัก
- คลินิกและโรงพยาบาลส่วนใหญ่ในไทยมักไม่ได้ใช้วิธีนี้
ค่าใช้จ่ายสำหรับการระบุเพศด้วยวิธีการแยกเพศอสุจิ
ในประเทศสหรัฐอเมริกา เทคนิคนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณ $600 ต่อครั้ง (ประมาณ 20,000 บาท) ส่วนในประเทศไทยนั้นยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด
การเลือกเพศทารกตามธรรมชาติ สามารถทำได้เอง
นอกจากวิธีทางการแพทย์แล้ว คุณก็สามารถเลือกเพศทารกด้วยเทคนิคตามธรรมชาติได้ วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายน้อย และทำได้เองที่บ้าน โดยมีรายละเอียดดังนี้
การระบุเพศทารกด้วยวิธีของ Shettles และ Whelan
ตามทฤษฎีของ Shettles อสุจิที่มีโครโมโซม Y (เพศชาย) จะเคลื่อนที่เร็วกว่า แต่มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเท่าอสุจิที่มีโครโมโซม X (เพศหญิง) ดังนั้น หากคุณต้องการลูกชาย ก็ควรมีเพศสัมพันธ์ใกล้กับช่วงเวลาตกไข่มากที่สุด แต่หากคุณต้องการลูกสาว ก็ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2-4 วันก่อนไข่ตก
ส่วน Whelan กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงในช่วงต้นของรอบเดือน เป็นสภาวะที่เหมาะสมต่ออสุจิที่มีโครโมโซมเพศชายมากกว่า ดังนั้น หากคุณต้องการลูกชาย ก็ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4-6 วัน ก่อนอุณหภูมิพื้นของร่างกาย (BBT) จะสูงขึ้น แต่หากอยากได้ลูกสาว ก็ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2-3 วันก่อนไข่ตก
ประสิทธิภาพในการระบุเพศด้วยวิธีของ Shettles และ Whelan
Shettles กล่าวว่า วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ถึง 75% สำหรับคู่ที่ต้องการทารกเพศหญิง และ 80% สำหรับทารกเพศชาย ส่วน Whelan กล่าวว่า วิธีนี้ใช้ได้ผล 68% สำหรับคู่ที่ต้องการทารกเพศชาย และได้ผล 56% สำหรับคู่ที่ต้องการทารกเพศหญิง แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นวิธีธรรมชาติ ในทางปฏิบัติจริงจึงควรเผื่อใจไว้ว่าอาจไม่ได้เพศทารกตามที่ต้องการ
ข้อดีของวิธี Shettles และ Whelan
- ไม่จำเป็นต้องใช้ยากระตุ้นหรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ใดๆ
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
- มีความปลอดภัย
ข้อเสียของวิธี Shettles และ Whelan
- จำเป็นต้องติดตามการตกไข่โดยการบันทึกอุณหภูมิร่างกาย หรือใช้ชุดตรวจการตกไข่ก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ไม่สามารถรับรองประสิทธิผลได้
ที่มาของข้อมูล
Suzanne Leigh, Choosing your baby's sex: What the scientists say (https://www.babycenter.com/0_choosing-your-babys-sex-what-the-scientists-say_2915.bc)