เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยลดอาการแสบร้อนกลางหน้าอกได้แต่เพียงชั่วคราว ควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ และดูว่าเบกกิ้งโซดาสามารถช่วยได้อย่างไร
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอก
อาการแสบร้อนกลางหน้าอกโดยทั่วไปมักเป็นอาการแสบร้อนที่เริ่มขึ้นในท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือตรงกลางอก อาการแสบร้อนอาจร้าวขึ้นอาจกระบังลมไปสู่คอหอย และอาจมีรู้สึกเปรี้ยวในคอหรือมีอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาร่วมด้วยได้ อาการนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจแต่อย่างใด อาการนี้เป็นปัญหาทางระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการมีกรดไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งจะเกิดเมื่อหูรูดหลอดอาหารส่วนปลายที่อยู่ระหว่างหลอดอาหาร และกระเพาะอาหารมีการอ่อนแรง หรือคลายตัวลง ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ โดยแทนที่จะเปิดให้อาหารลงไปสู่กระเพาะอาหาร แต่กลับเปิดค้างไว้ทำให้กรดจากกระเพาะท้นขึ้นมาในหลอดอาหารได้ อาการแสบร้อนกลางหน้าอกมักเกิดหลังจากการรับประทานอาหารเป็นบางครั้ง แต่พบว่าผู้ป่วยหลายคนมีอาการแสบร้อนกลางหน้าอกที่เบากว่า หรือรุนแรงกว่าได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางหน้าอก
หนึ่งในวิธีที่จะช่วยรักษาภาวะกรดไหลย้อนคือการใช้ยาลดกรด ซึ่งเบกกิ้งโซดา หรือก็คือสารโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นยาลดกรดโดยธรรมชาติ หากคุณนำเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชามาละลายในน้ำ 8 ออนซ์และรับประทาน จะสามารถช่วยลดความเป็นกรด และบรรเทาอาการแสบร้อนกลางหน้าอกที่เกิดจากกรดไหลย้อนได้ อย่างไรก็ตามวิธ๊นี้ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อละลายเบกกิ้งโซดาลงในน้ำ จะทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่งจะทำให้เกิดฟอง และฟองเหล่านี้จะทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนปลายมีการเปิดออกทำให้มีอาการเรอ และช่วยลดอาการท้องอืด แต่การเปิดหูรูดก็ทำให้สารต่างๆ จากกระเพาะสามารถไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหารเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าจะมีผู้ป่วยหลายคนที่ใช้เบกกิ้งโซดาในการรักษาอาการแสบร้อนกลางหน้าอก แต่ในปัจจุบันยังคงไม่มีการทดลองหรืองานวิจัยที่สนับสนุนผลของเบกกิ้งโซดาต่อการรักษาอาการนี้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทดลองใช้เบกกิ้งโซดาหรือวิธีการรักษาใดๆ ก็ตามในการรักษาอาการแสบร้อนกลางหน้าอก
วิธีอื่นที่สามารถใช้รักษาอาการแสบร้อนกลางหน้าอก
คุณสามารถบรรเทาอาการดังกล่าวได้โดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการ และปรับวิธีการใช้ชีวิตเพื่อลดการเกิดอาการ
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนปลายอ่อนแรง เช่นอาหารที่มีชอกโกแลต เปปเปอร์มิ้นท์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ อาหารมัน หรือของทอด
- หลีกเลี่ยงอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ระคายเคืองหลอดอาหาร ตัวอย่างอาหารเช่นผลไม้และน้ำผลไม้ตระกูลส้ม มะเขือเทศ หรือผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ พริก และพริกไทยดำ
- รับประทานทีละน้อย แต่ถี่มากขึ้น การรับประทานอาหารมื้อใหญ่จะเพิ่มความดันในกระเพาะอาหาร และหูรูดหลอดอาหารส่วนปลาย การแบ่งรับประทานอาหารมื้อเล็กประมาณ 5-6 มื้อแทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ 3 มื้อจะดีกว่า แต่ควรระมัดระวังไม่ให้รับประทานเร็วเกินไป การวางส้อม หรือช้อนระหว่างการรับประทานแต่ละคำจะช่วยชะลอความเร็วในการกินได้
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานแอลกอฮอล์ก่อน ระหว่าง หรือหลังอาหารอาจทำให้อาการแสบร้อนกลางหน้าอกได้ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดอ่อนแรงลง