กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

ตรวจเลือด บอกโรค

เผยแพร่ครั้งแรก 19 ต.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
ตรวจเลือด บอกโรค

Creatinine

วัตถุประสงค์

  • เพื่อจะตรวจสอบสมรรถนะการทำงานของ ไต โดยค่าครีเอทินีนที่ตรวจได้เป็นผลจากการออกแรงยืดหดหรือการใช้กล้ามเนื้อโครงร่าง (skeletal muscle) ทั่วร่างกายในชีวิตประจำวัน จึงค่อนข้างเป็นตัวเลขที่คงที่ สารของเสียอันเกิดจากการยึดหมดตัวของกล้ามเนื้อดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า “creatinine phosphate”
  • Creatinine phosphate ที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคลจึงค่อนข้างคงที่เพราะไม่เกี่ยวกับอาหารที่กินมากนัก รวมทั้งไม่เกี่ยวกับตับและหากไปทำงานเป็นปกติมันก็จะขับออกทิ้งทางปัสสาวะพ้นร่างกายไปโดยเหลือทิ้งค้างในกระแสเลือดด้วยปริมาณคงที่ไว้จำนวนหนึ่งไม่มากนัก

คำอธิบายอย่างสรุป

  • Creatinine phosphate เป็นสารของเสียจากการใช้กล้ามเนื้อของตนเองในชีวิตประจำวัน (แม้แต่กล้ามเนื้อหัวใจ) ฉะนั้น ในร่างกายของผู้ที่เป็นนักกีฬาชนิดใดที่ต้องออกแรงมากๆ เช่น นักกีฬายกน้ำหนักนักเทนนิส หรือ กรรมกรแบกหาม จึงอาจมีค่า Creatinine สูงกว่าปกติบ้างเล็กน้อย
  • ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ชนิดที่เป็นเนื้อแดงของหมู วัว คำที่ใช้เรียกตรงกับภาษาอังกฤษว่า “meat” ซึ่งส่วนเนื้อที่เป็นกล้ามเนื้อนั้นย่อมจะมี Creatinine phosphate แฝงอยู่ด้วยจำนวนหนึ่งโดยหากยิ่งทำให้ Creatinine phosphate สูงด้วยการใช้ความร้อนนั้นนานเช่น การตุ๋น ก็จะยิ่งทำให้ Creatinine phosphate จากเนื้อสัตว์ออกมาปนในอาหารเพิ่มค่าให้สูงยิ่งขึ้นมากกว่าปกติ
  • ตามปกติ ไตจะทำหน้าที่กรองและขับทิ้ง Creatinine phosphate เช่นเดียวกับ urea nitrogen (ของ BUN) แต่ค่า Creatinine phosphate จะแสดงผลให้เห็นถึงประสิทธิภาพของไตแน่นอนกว่า

ค่าปกติของ Creatinine phosphate

  1. ให้ยึดถือตามข้าที่ระบุไว้ในใบรายงานแสดงผลเลือด (ถ้ามี)
  2. ค่าปกติทั่วไป

ผู้ชาย  =  Creatinine : 0.6 - 1.2 mg/dL
ผู้หญิง  =  Creatinine : 0.5 - 1.1 mg/dL
วัยรุ่น  =  Creatinine : 0.5 - 1.0 mg/dL
เด็ก  =  Creatinine : 0.3 – 0.7 mg/dL

ค่าผิดปกติ

  • ในทางน้อย อาจแสดงผลว่า
    • เกิดอาการอ่อนแรง หรือเป็นบุคคลที่ไม่ใคร่จะได้เขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย (debilitation)
    • เกิดจากมวลกล้ามเนื้อลดลง เช่น อาจเกิดโรคกล้ามเนื้อลีบ (muscular dystrophy) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้ายแรง (myasthenia gravis, MG)
  • ในทางมาก อาจแสดงผลว่า
    • มีปัญหาจากเหตุสำคัญต่อไตหรือโรคไตอย่างใดอย่างหนึ่ง
    • อาจมีเหตุสำคัญหรือโรคร้ายแรงนำไปสู่สภาวะของโรคกล้ามเนื้อสลาย (rhabdomyolysis)
    • อาจเกิดจากสภาพร่างกายใหญ่โตไม่สมส่วน (acromegaly) เช่น โตเกินวัย หรือโตเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ผิดปกติ (กรณีตัวอย่าง เช่น สูงผิดปกติ)
    • อาจเกิดสภาพร่างยักษ์ (gigantism)

Uric acid

วัตถุประสงค์

เพื่อจะตรวจสอบว่าในเลือดไม่กรดยูริก (uric acid) ที่มีค่าสูงเกินไปหรือไม่เนื่องจากหากปล่อยให้มีค่าสูงเกินเกณฑ์ปกติไปนั้นนานๆ ย่อมมีโอกาสเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเกิดโรคเกาต์ ทำให้ปวดตามข้อกระดูกต่างๆ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

คำอธิบายอย่างสรุป

  • โรคเกาต์ มักออกเสียงว่า “เก๊า” เป็นชื่อโรคในภาษาอังกฤษ (ไม่ใช่มาจากภาษาจีน) สะกดตรงตัวว่า “gout” โดยอาศัยร่างศัพท์ดั้งเดิมของภาษาละตินมาจากคำว่า “gutta” ที่มีความหมายว่า “a drop” (หยดลง) โดยให้ความหมายเป็นนัยว่า หากขีนปล่อยให้กดยูริกทิ้งอยู่ในกระแสเลือดไปนั้นนานๆ มันก็จะจับตัวกัน “หยดลง” กลายเป็นเกลือยูเรต (urate) แล้วเข้าแทรกอยู่ตามข้อต่อของกระดูกในรูปผลึกเป็นรูปหนามแหลมสร้างความปวดร้าวตรงข้อต่อให้แก่เจ้าของร่างกาย
  • ผู้ที่ละเลยให้มีค่ากดยูริกเกินเกณฑ์ปกติไปนั้นนานจะได้ชื่อว่าเป็นโรคอีกชื่อหนึ่งว่า “hyperuricemia” (โรคยูริกสูง) ทั้งนี้เมื่อกดยูริกในเลือดมีความเข้มข้นมากขึ้นมันก็จะตกผลึกจับตัวกันเป็นของแข็งกลายเป็นสารคริสตัล (crystals) มีลักษณะปลายหนามแหลมคมไส้อยู่ในช่องระหว่างข้อต่อของกระดูก
  • ข้อต่อของกระดูกที่โรคเกาต์มันมากสร้างความปวดร้าว ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยการเก็บตัวเลขทางสถิติจากมากไปน้อยเรียงตามตำแหน่งกระดูกที่ปวดได้ดังนี้
    • นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วเท้าอื่นๆ
    • ข้อเท้า
    • ส้นเท้า
    • ฝ่าเท้า
    • หัวเข่า
    • นิ้วมือ
    • ข้อมือ
    • ข้อศอกกระดูกสันหลัง
  • สำหรับอาการของโรคเกาต์ ก็อาจจะเกิดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเกิดขึ้นได้พร้อมพร้อมกันด้วยอาการดังนี้
    • ปวดเหมือนเข็มแทง (ในความเป็นจริง ก็อาจ เกิดจากปลายคริสตัลมันแทงก็ได้)
    • บวม
    • ผิวหนังออกสีแดง
    • เอามือสัมผัส จะรู้สึกอุ่นมือ
    • ข้อกระดูกตรงส่วนนั้นจะแข็งขยับเขยื้อนยาก
  • ผู้ที่เคยปวดทรมานจากโรคเกาต์ได้เคยเล่าให้ผมฟังว่า มันจะปวดร้าวมากชนิดที่รู้สึกว่าจะกระเทือนไม่ได้เลย ขนาดลมพัดเพียงใบไม้ไหวผ่านมาเบาๆ ก็ยังรู้สึกว่าอาการปวดนั้นมันจะรุนแรงมากขึ้นในที่สุดถึงขั้นที่เพียงแมวเดินผ่านมาใกล้ๆ กับหัวแม่เท้าที่มีปัญหาก็ทำให้รู้สึกปวดเพิ่มขึ้นมาได้ !
  • ในทางการแพทย์ ท่านทราบนานแล้วว่าอาหารที่มีสารพิวรีนสูงนั้นเมื่อมนุษย์กินเข้าไปแล้วจะถูกร่างกายแตกตัวจนถึงขั้นสุดท้ายแล้วก็จะทำให้เกิดเป็นกรดยูริกซึ่งนับเป็นสารของเสียที่ไตจะมีบทบาททำให้ผลร่างกายทางน้ำปัสสาวะออกไปประมาณ 75% ส่วนอีกประมาณ 25% ก็จะขับออกทางลำไส้ปนออกมากับกากอาหารในกรณีน้ำปัสสาวะมีความเข้มข้นสูงด้วยกรดยูริกก็มีโอกาสจะสร้างนิ่วในไตให้เกิดขึ้นได้เหมือนสร้างคริสตัลในข้อกระดูก
  • พิวรีนในอาหาร
    • อาหารที่มีค่าพิวรีนสูง ได้แก่ เนื้อแดงของวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อปลาทะเล และปลากระป๋อง และอาหารที่ใช้เชื้อรา (yeast) เป็นองค์ประกอบ เช่น ขนมปัง (หมัก, หวาน) เบียร์ ไวน์ เครื่องในสัตว์ ทุกชนิด
    • อาหารที่มีค่าพิวรีนปานกลาง-ต่ำ ได้แก่ ข้าว ผักสด ผลไม้สด เมล็ดพืช ถั่วเม็ดใหญ่ เช่น เกาลัด

ค่าปกติของ BUN

  1. ให้ยึดถือตามข้าที่ระบุไว้ในใบรายงานแสดงผลเลือด (ถ้ามี)
  2. ค่าปกติทั่วไป

ผู้ชาย  =  Uric acid : 4.0  -  8.5 mg/dL
ผู้หญิง  =  Uric acid : 2.7  -  7.3 mg/dL
เด็ก  =  Uric acid : 2.5 -  5.5 mg/dL

ค่าวิกฤตของ Uric acid

ค่าใด ๆ ที่มากกว่า 12  mg/dL

ค่าผิดปกติ

  • ในทางน้อย อาจแสดงผลว่า
    • อาจกำลังเกิดโรค “Wilson’s disease” ซึ่งเกิดจากการที่ตับต้องเก็บสะสมทองแดงไว้เกินขนาด ทำให้ตับหย่อนประสิทธิภาพลงจนสลายสารพิวรีนออกมาเป็นกรดยูริก ได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
    • อาจเกิดสภาวะ “Fanconi syndrome” อันเนื่องมาจากได้รับสารโลหะหนักมากเกินไป น ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม (มักติดมากับหอยชายทะเลน้ำตื้น)
    • อาจเกิดความเป็นพิษจากตะกั่ว (lead poisoning) ซึ่งมีผลทำลายต่อตับ จากการรับสารตะกั่วเป็นเวลานาน
  • ในทางมาก จำเป็นต้องพิจารณาออกเป็น 2 กรณี กล่าวคือ
    • กรณีที่ 1 ได้มีการสร้างกรดยูริกเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้นอย่างผิดปกติ ทั้งๆที่ ไตมีสภาพปกติดี แต่ก็ขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะไม่ทัน ค่ากรดยูริกจึงสุงขึ้น
    • กรณีที่ 2 ในกรณีมิได้กินอาหารที่มีพิวรีนสูง ประกอบกับตับก็เป็นปกติดี มิได้ผลิตกรดยูริกส่งเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น แต่ไตมีปัญหา ทำงานไม่เป็นปกติ อย่างนี้ก็อาจทำให้ค่ายูริกในกระแสเลือดมีระดับสูงขึ้นได้

คราวนี้จะได้พิจารณาถึงลของแต่ละกรณี

  • กรณีที่ไตเป็นปกติดี แต่ค่ากรดยูริกในกระแสเลือดถูกตรวจพบว่า สูงขึ้นมากกว่าปกติ อาจแสดงผลว่า
    • กินอาหารที่มีพิวรีนมากเกินไป
    • โดยที่สารประกอบพิวรีนและเป็นองค์ประกอบประมาณครึ่งหนึ่งของรหัสพันธุกรรมหรือ DNA (deoxyribonucleic acid)

ฉะนั้นความผิดปกติใดๆ ของตับในการเผาผลาญผิวรีน (purine metabolism)สูญสลายมากขึ้น จึงอาจทำให้การสร้างเซลล์ใหม่ขาดวัตถุดิบจนถึงขั้นอาจมีการผิดเพี้ยนในเซลล์เกิดใหม่นั่นคือโอกาสที่จะเกิดเซลล์กลายพันธุ์และกลายเป็นเซลล์มะเร็งขึ้นได้  โดยเหตุนี้ หากค่า uric acid มีระดับสูงขึ้นมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไปมีสภาวะเป็นปกติดีจึงจำเป็นต้องนึกถึงการแพร่กระจายของมะเร็งว่าอาจเกิดจากมะเร็งไขกระดูก (multiple myeloma) หรืออาจเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia)

  • อาจเกิดจากสภาวะเม็ดโลหิตแดงแตกสลาย (hemolysis)ทำให้กรดนิวคลิอิก (nucleic acid) หลุดออกมาสู่กระแสเลือดและปรับเปลี่ยนต่อไปเป็นกรดยูริกจึงทำให้ค่า Uric acid สูงขึ้น
  • อาจเกิดจากสาเหตุใดๆ ที่ทำให้เกิดสภาวะโรคกล้ามเนื้อสลาย (rhabdomyolysis) ทั้งนี้กรดยูริกจะเป็นผลผลิตสุดท้ายของการสลายที่ล่องลอยในกระแสเลือดโดยเหตุนี้ค่า uric acid จึงมีระดับสูงขึ้น    ความสำคัญของข้อนี้ มันอยู่ตรงข้อความที่ว่า สาเหตุใดๆ ที่ทำให้เกิดสภาวะกล้ามเนื้อสลาย ซึ่งในทางการแพทย์อาจเป็นที่รับรู้กันแล้วว่ามีเหตุได้บ้างแต่สาเหตุสำคัญซึ่งไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน ก็คือการกินยากลุ่มสตาติน (statin) ที่มีชื่อทางการค้า (ขออภัยที่จะไม่เอ่ยชื่อ อย่าจริงๆของเขา) ที่มีสำเนียงลงท้ายว่า “เตอร์ๆ” หรือ “เคอร์ๆ”

ผู้ที่ให้ความรู้อันเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ คือ แพทย์หญิงดร. เบียร์ทริซ เอ. โกลอมบ์ (Beatrice A. Golomb, M.D., Ph.D.) แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา คุณหมอ ดร. โกลอมบ์. ท่านได้รายงานไว้ชัดเจนว่ากลุ่มยาสตาติน (ที่กินเพื่อหวังจะใช้ลดคลอเรสเตอรอลกันแพร่หลายไม่ว่ายาจะมีชื่อใด) ล้วนแล้วแต่มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ผู้กินยาเกิดสภาวะโรคกล้ามเนื้อสลาย (rhabdomyolysis) และสิ่งที่สลายซึ่งลอยในเลือดนั้นจะมีพี่ต่อไปจนอาจทำให้ไตวายและอาจเสียชีวิตในที่สุด

สิ่งที่สลายนั้นส่วนหนึ่งก็คือมันจึงทำให้ระดับที่ตรวจพบในกระแสเลือดสูงขึ้นและสภาวการณ์ดังว่านี้มีโอกาสเกิดง่ายขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่สูงอายุ

  • กรณีที่ตับเป็นปกติดีและมีได้กินอาหารที่มีสารพิวรีนสูงแต่ระดับค่า uric acid ในเลือดก็ยังอาจสูงแสดงผลว่า
    • อาจกำลังเกิดโรคไปเรื้อรัง (chronic renal disease) ซึ่งเป็นเหตุให้ขับของเสียต่างๆ รวมทั้ง uric acid ออกจากร่างกายได้น้อยลงจึงทำให้กดยูริกสะสมในกระแสเลือดจนมีระดับสูงขึ้น
    • อาจเกิดสภาวะความเป็นกรดจากโรคเบาหวานหรือเป็นกรดจากการอดอาหาร (diabetic acidosis or starvation acidosis) เนื่องจากน้ำตาจากเบาหวานก็ตาม หรือ สาร ketone จากการอดอาหารก็ตามจะไปปิดช่องทางของกรวยไต ทำให้ลดประสิทธิภาพการขับของเสียออกจากร่างกายโดยเหตุนี้จึงทำให้ uric acid ในเลือด มีระดับสูงขึ้น
    • อาจเกิดสภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป โดยเหตุที่ต่อมไทรอยด์ มีบทบาทในการควบคุมการเผาผลาญอาหารฉะนั้นในกรณีที่มัน ลดบทบาทลงซึ่งทำให้ร่างกายเผาผลาญอาหารเกินความจำเป็นมีผลทำให้น้ำหนักร่างกายเพิ่มขึ้นและเกิดความผิดปกติอีกหลายประการ แต่ที่สำคัญซึ่งเกี่ยวกับ uric acid ก็คือมันจะเพิ่มระดับในกระแสเลือด
    • อาจเกิดจากโรคพิษแห่งครรภ์ (toxemia of pregnancy)
    • อาจเกิดจากโรคพิษสุราเรื้อรัง (alcoholism)เนื่องจากแอลกอฮอล์จะไปเล่นตับให้ส่งของเสียคือกดยูริกและของเสียตัวอื่นเข้าสู่กระแสเลือดจนปิดกั้นกรวยไต ทำให้ไตขับถ่ายทิ้งออกผลร่างกายไม่ทันจึงย่อมมีผลทำให้ uric acid ในเลือดอาจมีค่าสูงเกินปกติ

รูปหน้า 219

หากคุณเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์และอยากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพิ่มเติม สามารถสนับสนุนผู้แต่ง (พลเอกประสาร เปรมะสกุล) ได้โดยการซื้อหนังสือ (คู่มือแปลผลการตรวจเลือด)


10 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Things Your Doctor Won’t Tell You About Your Blood Test Results. Everyday Health. (https://www.everydayhealth.com/news/things-your-doctor-wont-tell-you-about-blood-tests/)
Blood tests. NHS (National Health Service). (https://www.nhs.uk/conditions/blood-tests/)
How long does it take to receive blood test results? A guide. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/326817)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
พอกันทีกับการซิทอัพ ถึงเวลาเล่นโยคะและพีลาทีสเพื่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง
พอกันทีกับการซิทอัพ ถึงเวลาเล่นโยคะและพีลาทีสเพื่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง

หลากหลายวิธีเพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหน้าท้อง

อ่านเพิ่ม
6 วิธีเดินเผาผลาญพลังงาน
6 วิธีเดินเผาผลาญพลังงาน

ใช้เทคนิคต่อไปนี้มาช่วยเผาผลาญพลังงานระหว่างการเดินกันเถอะ

อ่านเพิ่ม