ผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่มีมากมายหลายชนิด ที่เราคุ้นเคยกันได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และราสป์เบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีเบอร์รี่ชนิดอื่นๆ อีก ได้แก่ บอยเซนเบอร์รี่ (Boysenberry) ฮัคเคิลเบอร์รี่ (Huckleberry) และ เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry)
เบอร์รี่เหล่านี้เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และจัดว่ามี ค่าออแรค (ORAC Score ย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity) อยู่ใน 20 อันดับแรก ในบรรดาเบอร์รี่ทั้งสี่ชนิดนี้ บลูเบอร์รี่จัดว่ามีค่าออแรคสูงที่สุด สารอาหารสำคัญในเบอร์รี่คือ วิตามินซี กรดโฟลิก โพแทสเซียม และใยอาหาร รวมทั้ง สารพฤกษเคมีในกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ ที่มีชื่อว่า สารโปรแอนโทไซยานิน (Proanthocyanin) และ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ทำให้ผลไม้เบอร์รี่มีสีจัดเข้ม ให้ประโยชน์ในการเพิ่มภูมิต้านทานการป้องกันโรคเรื้อรังมากมาย นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำอีกด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ผลบลูเบอร์รี่มีสีฟลาโวนอยด์สีน้ำเงินที่เรียกว่า แอนโทไซยานินซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระหรือสารแอนติออกซิแดนต์สูงเมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่นๆ แอนโทไซยานินในผลบลูเบอร์รี่ช่วยสร้างสารโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สำคัญใบจอประสาทตาช่วยทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ในที่มีแสงน้อย ทำให้เราไม่ต้องใช้สายตาในการเพ่งมองมาก นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี ไลโอฟลาโวนอยด์ และเบต้าแคโรทีน ซึ่งให้ประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพตาเช่นกัน
เบอร์รี่ช่วยลดความเสี่ยงโรคเมแทบอลิกซินโดรม
เมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) เป็นกลุ่มโรคที่ประกอบด้วยความผิดปกติที่มักพบร่วมกัน ได้แก่ โรคอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และระดับไขมันในเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ
การวิจัยใน พ.ศ. 2553 พบว่า การเสริมเบอร์รี่วันละ 150 กรัม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ตับและลดภาวะไขมันสะสมในตับ (Non-alcoholic Fatty Liver Disease: NAFLD) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคนอ้วนได้
ประโยชน์อื่นๆที่น่าสนใจของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- สารโปรแอนโทไซยานินในบลูเบอร์รี่และแครนเบอร์รี่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ จึงช่วยลดการติดเชื้อในระบบนี้ได้
- การวิจัยพบว่า ผลไม้เบอร์รี่มีสารพฤกษเคมีอีกชนิดหนึ่งชื่อว่า กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ซึ่งอาจช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ผลไม้เบอร์รี่ที่แช่แข็งจะเสียคุณค่าของวิตามินซีเพียงเล็กน้อยแต่ไม่มีผลเสียต่อสารอาหารอื่นๆ ใยอาหารหรือสารต้านอนุมูลอิสระ
- สารโปรแทนโทไซยานินทนต่อความร้อน ฉะนั้นน้ำเบอร์รี่ที่ผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์จึงไม่มีผลต่อสารโปรแทนโทไซยานินมากนัก
สารอาหารในเบอร์รี่
ปัจจุบันผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จัดเป็นอาหารฟังก์ชันซึ่งมีสารอาหารหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง และมีประโยชน์ในการป้องกันโรคตาเสื่อม หัวใจ มะเร็ง ไขมันสะสมในตับรวมทั้งเพิ่มภูมิต้านทาน ด้วยเหตุนี้ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จึงเป็นผลไม้ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบันและติดอันดับซูเปอร์ฟู้ด