September 11, 2019 17:06
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วยาคุมฉุกเฉินจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการรับประทานยา 120 ชั่วโมงเท่านั้นครับ ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกหลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินครบ 2 เม็ดไปแล้ว ยาคุมฉุกเฉินก็จะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นมีโอกาสที่จะมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดอีกครั้งก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
และหลังจากนี้ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและใช้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆจะไม่เป็นผลดี เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่การป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และการรับประทานยาคุมฉุกเฉินบาอยๆก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายโดยไม่จำเป็นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
สรุปก็คือ...
1. ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง ในวันที่ 9 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 - 23.00 น. + 10 กันยายน เวลา 6.26 น. + 10 กันยายน เวลา 23.32 น.
2. รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด โดยรับประทานเม็ดแรก 10 กันยายน เวลา 17.52 น. และรับประทานเม็ดที่สอง 11 กันยายน เวลา 05.50 น.
...ถูกต้องตามนี้ใช่มั้ยคะ?
ถ้าใช่... แนะนำดังนี้ค่ะ
เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมาก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา แต่ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ตามผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉินนะคะ ซึ่งถือว่าเสี่ยงสูงกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานหลายเท่าค่ะ
โดยเฉพาะในกรณีของผู้ถาม ที่ประสิทธิภาพอาจไม่สูงนัก เพราะรับประทานไม่เหมาะสมนะคะ เนื่องจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกกับเม็ดที่สองห่างกัน 24 ชั่วโมง (จากข้อมูลที่ผู้ถามให้มาว่า "กินยาเม็ดเเรก 17.52" และ "กินยาเม็ดที่ 2 อีกที ตอน 05.50")
ในกรณีของผู้ถาม เนื่องจากเวลาที่ทับซ้อนกัน แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินซ้ำอีกแผงก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันค่ะ แต่จะเพิ่มผลข้างเคียงให้มากขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานแผงใหม่เพิ่มอีกนะคะ (แต่ถ้าผู้ถามไม่กังวลเรื่องผลข้างเคียง และต้องการจะรับประทานยาคุมฉุกเฉินซ้ำอีกแผง หรือถ้ารับประทานไปแล้ว ก็ไม่เป็นไรค่ะ)
แต่หลังจากนี้ ควรงดมีเพศสัมพันธ์ และรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ (ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาภายใน 7 วันหลังรับประทานหรือเปล่า เพราะไม่ได้สำคัญอะไร)
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
และครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมจะมีบุตร ควรให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มันห่างกัน 24 ชม.ยังไงอะค่ะ ก็ 17.52-12 (ชม.)ก็เหลือ 5.52 กินยาตอนนี้ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรอค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สวัสดีค่ะ คือเรื่องมีอยู่ว่า มีอะไรกับแฟนวันที่ 9/9/62 ตอน 4-5 ทุ่ม วันที่ 10/9/62 เช้า 6.26 หลั่งนอก แต่ไม่เเน่ใจ ว่าแฟนเอาออกทันไหม เลยกินยาคุมฉุกเฉินไป กินยาเม็ดเเรก 17.52 ช่วงดึกก็มีอะไรกับแฟนอีก ทีตอน 23.32 หลั่งในหรือนอก ไม่เเน่ใจ และพอครบ12ชั่วโมงกินยาเม็ดที่ 2 อีกที ตอน 05.50 #ไม่ได้สวมถุงยางสักครั้ง #อยากรู้ว่าจะมีโอกาสท้องได้ไหม #ยาที่กินไปจะได้ผลไหม เพราะมีกันอะไรซ้ำยาจะยังช่วยได้ไหม #ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)