มีอะไรกับแฟนครั้งแรกวันที่23แล้วอีกวันไปกฝซื้อยาคุมฉุดเฉินมากินแล้วก็กินไปทั้ง2เม็ดเลย และก็มีอะไรกัยแฟนอีกวันที่28แต่สองรอบแต่แตกนอกทุกครั้งแฟนไม่ใส่ถุง แล้วรอบสุดท้ายมีอะไรกันแต่มีเลือดออกมาเต็มเลย แล้วจะท้องไหมค้ะ

1. เลือดที่ออกมาวันที่ 28 มีปริมาณมากจนเต็มผ้าอนามัยหรือไม่คะ และมาต่อเนื่องกันกี่วัน
2. ประจำเดือนครั้งล่าสุดมาวันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ

ถ้าเช่นนั้น เลือดที่ออกมาก็ไม่น่าจะเป็นเลือดประจำเดือนนะคะ ดังนั้น

1. การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 ธันวาคม โดยไม่ป้องกัน แล้วรับประทานยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ หากใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ 15 - 25% ค่ะ

ซึ่งถือสูงกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติหลายเท่านะคะ นั่นคือ ถ้าใช้ถุงยางอย่างถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2% หรือถ้าใช้ยาคุมรายเดือนอย่างถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.3%

ดังนั้น ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เพราะเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ได้มากกว่าหลายเท่าค่ะ

2. ยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดหลังรับประทานค่ะ การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 28 ธันวาคม โดยใช้วิธีหลั่งนอก จึงมีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 22% ตามประสิทธิภาพของวิธีหลั่งนอก

จะเห็นว่าความเสี่ยงสูงกว่าการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและไม่รั่วซึม หลายเท่าเลยนะคะ

ดังนั้น แนะนำให้รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีก 1 แผงทันทีค่ะ หากใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า 72 - 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ หากใช้ครบขนาดและทันเวลา อาจลดความเสี่ยงลงมาได้บ้างค่ะ

หลังจากนี้ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนนะคะ แล้วรอดูว่ามีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่

ถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อความชัดเจนค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพไม่สูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติค่ะ ต่อให้ใช้เร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ จึงไม่แนะนำให้ใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกตินั่นเองค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินใช้ป้องกัน "หลังจาก" มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วค่ะ ไม่ได้มีผลคุมต่อเนื่องไปข้างหน้า การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 28 จึงไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมฉุกเฉินที่เคยใช้ หากต้องการลดความเสี่ยงในครั้งนี้ก็ต้องรับประทานใหม่อีกแผงค่ะ

สามารถรับประทานได้ หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ แต่ถ้าใช้เร็ว อาจยังทัน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการรับประทานที่เวลา 72 - 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

สรุปก็คือต้องรีบรับประทานเลยค่ะ และสามารถใช้แบบหมดแผงในครั้งเดียวได้ นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว แต่ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว

ใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อใดก็ได้ที่หาซื้อได้สะดวกนะคะ เนื่องจากต้องรีบรับประทานโดยเร็ว จึงไม่จำเป็นจะต้องตามหาเฉพาะบางยี่ห้อ (หากร้านยาใกล้บ้านไม่มียี่ห้อที่ต้องการใช้) เพราะไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหน ก็เป็นตัวยาเดียวกัน ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจึงไม่ต่างกันค่ะ

ในอดีต จะมีคำแนะนำจากบริษัทยาระบุไว้ในฉลากว่า "ห้ามรับประทานเกินเดือนละ 2 แผง" เนื่องจากกังวลว่าอาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกค่ะ

แต่การศึกษาต่อมาสรุปแล้วว่า การใช้ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูก รวมถึงไม่พบข้อมูลที่ชี้ชัดว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินส่งผลให้เกิดอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ

ปัจจุบัน บริษัทยาจึงได้นำคำแนะนำดังกล่าวออกจากฉลากแล้วค่ะ นั่นหมายถึง ไม่ได้มีข้อห้ามว่าต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่เกินเดือนละกี่แผงแล้วนะคะ ในกรณีที่จำเป็น ก็สามารถรับประทานได้ค่ะ แม้จะเป็นการใช้เกินเดือนละ 2 แผงก็ตาม

แต่ย้ำว่าควรใช้ในกรณีที่ "จำเป็น" หรือ "ฉุกเฉิน" จริง ๆ นะคะ เช่น ถูกข่มขืน, ถุงยางฉีกขาด, ลืมรับประทานยาคุมรายเดือน, ลืมฉีดยาคุมต่อตามนัด เป็นต้น เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก ต่อให้รับประทานครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติหลายเท่า

หากใช้ยาคุมฉุกเฉิน เพียงเพราะไม่อยากใช้ถุงยาง หรือเพียงเพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน ไม่ถือเป็นกรณีที่ "จำเป็น" หรือ "ฉุกเฉิน" ค่ะ จึงต้องยอมรับความเสี่ยงว่าการใช้อย่างไม่เหมาะสม มีโอกาสคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้เสมอ ต่อให้ไม่ใช่ครั้งนี้ แต่ก็อาจเป็นครั้งต่อ ๆ ไปค่ะ

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันย่อมมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงกว่าการป้องกันด้วยวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานค่ะ

และเมื่อเวลาผ่านมานานหลายสัปดาห์นับจากวันที่ถามในครั้งแรก หากผู้ถามยังไม่มีประจำเดือนมา แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ถ้าไม่มีผลป้องกันจากวิธีอื่น ๆ ก็ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอกค่ะ

เมื่อเทียบกับการใช้ถุงยาง ที่ถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ก็ถือว่าผู้ถามมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์สูงกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่าค่ะ

หากรับความเสี่ยงนั้นไม่ได้ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเร็วและครบขนาด อาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาเป็น 15% แทนนะคะ

แต่ต่อไป ควรใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานอื่น ๆ ทุกครั้ง ไม่ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำอย่างการนับวันปลอดภัย "หน้า 7 - หลัง 7", การหลั่งนอก หรือการใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติค่ะ