August 20, 2019 14:23
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
โดยปกติสารเสพติดหรือยาที่าับประทานซึ่งมีส่วนประกอบของสารเสพติดนั้นมักจะตรวจไม่พบภายหลังหยุดยาไปประมาณ7วันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ถ้าหากยารักษาโรคที่รับประทานมาประมาน 3 ปี ถ้าหาหยุดรับประทานประมาน 7 วันก็จะตรวจสารไม่พบยาใช่มั้ยคะ หรือตรวจพบแต่จะมีปริมาณที่น้อยมากๆคะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ยา Amitriptyline และยา Fluoxetine นั้นอาจทำให้ผลตรวจคัดกรองสารเสพติดสำหรับชุดตรวจบางชุดขึ้นเป็นผลบวกได้ เนื่องจากตัวยาจะมีโครงสร้างทางเคมีบางอย่างที่คล้ายกับสารเสพติดได้ครับ
โดยปกติแล้วถ้าหากการตรวจตัดกรองสารเสพติดมีผลเป็นบวกก็ควรต้องมีการตรวจหาสารเสพติดชนิดที่สงสัยโดยตรงอีกครั้งก่อน เพื่อยืนยันว่ามีผลบวกมาจากการใช้สารเสพติดจริง ไม่ได้เป็นผลบวกที่ผิดพลาดจากยาชนิดอื่นครับ
ถ้าหากมีผลตรวจคัดกรองสารเสพติดเป็นบวก หมอแนะนำให้แจ้งรายการยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบและขอให้แพทย์ตรวจหาสารเสพติดที่สงสัยโดยตรงอีกครั้งครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แบบนี้ถ้าหยุดรับประทานยาเกิน 1 อาทิตย์แล้วไปตรวจอีกครั้งผลจะยังเป็น positive อยู่มั๊ยคะ เพราะจริงๆ ทางสายการบินเค้าไม่ระบุเลยค่ะว่าเป็นสารเสพติดชนิดไหน เค้าแค่สนใจว่าผลปัสสาวะเราเป็น positive รึเปล่า ดังนั้นการ declare ยาไปไม่มีผลเลยค่ะ เพราะถ้าผลปัสสาวะยังเป็น positive อยู่นั้นแปลอย่างเดียวคือมีสารเสพติดในร่างกายอะค่ะ
เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งได้งานสายการบินค่ะ หลังจากที่ตรวจร่างกายแล้วพบว่าปัสสาวะมีสารเสพติด เพราะทางหมอที่อ่านผลบอกว่า ปัสสาวะเป็น positive ค่ะ แต่ก่อนหน้ามีตรวจที่ไทยสารเสพติดจากไทยกลับไม่พบสารใดๆ เลยทั้งๆที่ทานยาป้องกันไมเกรนอยู่ทั้งหมด 3 ตัวที่หมอได้จ่ายให้ทานเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ยาที่ทานได้แก่ 1. Propranolol hydrochloride 10mg. ทุกวันเช้า-เย็น 2. Fluoxetine 20mg. ทุกวันเฉพาะตอนเช้า 3. Amitriptyline 25mg. ทุกวันก่อนนอน ** เมื่อก่อนก่อนที่จะหันมารับประทานยาป้องกัน และกลับมารักษากับหมอเฉพาะทางระบบประสาท จะมีอาการปวดหัวมากกว่า 15 วันต่อเดือน และจะปวดตอนเช้าทุกครั้งที่ตื่นนอน มากกว่าปวดระหว่างวัน จะใช้วิธีการทาง ยา avamigraine + nogesic ทุกครั้งที่มีอาการค่ะ แต่ก่อนเดินทางไปเทรนที่สายการบินมีอาการปวดไมเกรนติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน (18 กค 62) มีอาการปวดหัวหนักมาก อาเจียน และบ้านหมุนในวันแรกที่ปวด ประกอบด้วยมีอาการ ออฟฟิศซินโดรม จึงรับประทาน 2 ตัว 1. Tofago ติดต่อกัน 3 วัน และอีก 2 วันหลังจากอาการทุเลาลง 2. Nogesic 1 แผง ประมาน 10 เม็ด ก่อนที่จะเป็นไมเกรนเพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม และวันที่เป็นไมเกรนวันแรกค่ะ หลังจากนั้นไม่ได้รับประทานยาแก้ปวดทั้ง 2 ตัวอีกเลยค่ะ มีแค่รับประทานยาป้องกันไมเกรนตามปกติ และได้ทำการตรวจร่างกายวันที่ 25 กค. 62 ค่ะ - อย่างแรกเลยแอบสงสัยผล positive ที่หมอได้แจ้งมาเป็นเพราะยากแก้ปวด tofago และ nogesic รึเปล่าคะ หรือเป็นเพราะยาป้องกันไมเกรน - ปกติยาป้องกันไมเกรนจะสะสมอยู่ในร่างกายเรานานแค่ไหนคะ ถ้าหยุดรับประทาน 2-3 วันก่อนไปตรวจอีกครั้ง ปัสสาวะจะยังมีสิทธิเป็น positive อยู่มั๊ยคะ ไม่อยากตกงานเพราะยาที่รักษาโรคไมเกรนเลยค่ะ เพราะร่างกายส่วนอื่นๆปกติดี ซึ่งคุณหมอที่ไทยก็ยืนยันว่าเรา fit to fly ด้วย แต่พอไปตรวจที่ต่างประเทศกลับกลายเป็นว่าติดสารเสพติดทั้งๆที่ไม่ได้เสพยา - คุณหมอพอจะมีวิธีแนะนำบ้างมั้ยคะ ถ้าหากหยุดรับประทานยาป้องกันไปเลย เพื่อที่จะไม่ให้ผลตรวจปัสสาวะเป็น positive แล้วกลับมาทานแค่ยาแก้ปวดเหมือนเดิมแทน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)