April 12, 2019 18:51
สวัสดีค่ะ คำถามของคุณอาจกว้างเกินไป ทำให้คุณหมอไม่สามารถให้ความเห็นได้ กรุณาอธิบายอาการอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร บริเวณไหน เป็นมานานและถี่แค่ไหน รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เพศ อายุ ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ เป็นต้น หรือคุณอาจค้นหาคำตอบคุณหมอ และกว่า 5,000 บทความสุขภาพในเว็บของเรา หากคุณถามเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อของโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ สามารถทานยาคุมได้เลยค่ะ แต่ปกติแล้วควรทานภายใน5วันนับจากประจำเดือนมาวันแรก ยาคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์ตั้งแต่เม็ดแรกที่ทานเลยค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ทานภายใน 5 วันก็ให้งดมีเพศสัมพันธ์หรือคุมด้วยถุงยางอนามัยไปก่อน 7 วันค่ะ ยาคุมถึงจะออกฤทธิ์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แต่ไม่เคยมีประจำเดือนเรยค้ะตั้งแต่ฉรดยาคุมมาแร้วถ้าประจำเดือนไม่มาล้ะค้ะกินได้เรยไหม
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
หน้าที่ของยาฉีดคุมกำเนิด คือ ยับยั้งการตกไข่ เปลี่ยนแปลงมูกปากมดลูกให้ข้นเหนียว และที่สำคัญคือ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางตัวลง ดังนั้น ต้องพิจารณาว่าใช้ยาคุมกำเนิดมานานรึยังค่ะ ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นปี ส่วนมากภายหลังการหยุดยา อาจใช้เวลาพอสมควร กว่าจะกลับมาตกไข่แล้วมีประจำเดือนตามปกติค่ะ บางรายงานนานถึง 9 เดือน ดังนั้นถ้ารอเริ่มทานยาคุมกำเนิด ตามปกติ คือ วันแรกถึงวันที่ 5 ของรอบเดือนจะทำได้ยากค่ะ
แนะนำเป็น วันที่นัดฉีดยาคุมกำเนิดเข็มถัดไป ก็เปลี่ยนเป็นรับประทานยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิด วันเดียวกันค่ะ แล้วทำการป้องกันในช่วงแรก โดยการใส่ถุงยางอนามัยร่วมด้วยประมาณ 7-14 วัน เพื่อป้องกันการเสี่ยงจากการมีไข่ตกได้ในช่วงแรกๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็รับประทานยาคุมกำเนิดได้ตามปกติค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เพื่อความชัดเจน ขอทราบวันที่ฉีดยาคุมเข็มล่าสุด(ที่ได้ฉีดจริง) และวันนัดฉีดยา
(ที่ไม่ได้ไปฉีด)ด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เข็มล่าสุดวันที่16 ม.ค62
นัดฉีดยาที่ไม่ได้ไปฉีดวันที่ 11 เมษายน 62 ค้ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO 2016) จะนัดฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนทุก 12 สัปดาห์ และมีช่วงเวลายืดหยุ่นให้ฉีดช้าได้ไม่เกิน 4 สัปดาห์ (แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 16 สัปดาห์นับจากวันที่ฉีดเข็มล่าสุด) โดยถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง (แต่ประสิทธิภาพอาจไม่สูงเท่ากับการฉีดตรงตามนัดสม่ำเสมอ)
ส่วนแนวทางของศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา (US CDC 2016) จะแนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 13 สัปดาห์ และยืดหยุ่นช้ากว่าวันนัดไม่เกิน 2 สัปดาห์ (รวมแล้วไม่เกิน 15 สัปดาห์จากวันที่ฉีดเข็มล่าสุด)
ดังนั้น ในกรณีของผู้ถาม แม้จะเลยวันนัด แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องค่ะ ถ้าจะฉีดยาคุมต่อก็ทำได้นะคะ และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้เลย จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ
หรือหากต้องการเปลี่ยนไปรับประทานยาคุมก็ได้ และถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องเช่นกันค่ะ
แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาเม็ดต่ำกว่ายาฉีดนะคะ และอาจคุมกำเนิดล้มเหลวได้ง่ายกว่าถ้ารับประทานไม่ตรงเวลาหรือลืมรับประทานยา ดังนั้น หากไม่มั่นใจในการใช้ให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ และยังไม่คิดจะมีบุตรใน 1 ปีนับจากนี้ การฉีดยาคุมต่อเนื่องน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เรยฉีดยาคุมมา1วันกินยาคุมต่อเรยได้ไหมค้ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)