คู่รักหลายๆ คู่ อาจมีความกังวลที่จะต้องเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวในรูปแบบต่างๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด และยาฉีดคุมกำเนิด หรือการใช้วิธีคุมกำเนิดเหล่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ และเมื่อหยุดคุมกำเนิดแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ไข่ถึงจะตก วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้กัน
ตารางเปรียบเทียบวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวกับอัตราการตั้งครรภ์เมื่อหยุดใช้ภายใน 1 ปี
รายการ | ยาเม็ดคุมกำเนิด | แผ่นแปะคุมกำเนิด | ยาฉีดทุก 1 เดือน | ยาฉีดทุก 3 เดือน | ยาฝังคุมกำเนิด | ห่วงอนามัยฮอร์โมน | ห่วงอนามัยทองแดง | ถุงยางอนามัย |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระยะเวลากลับมามีไข่ตกเมื่อหยุดใช้ | เร็ว | เร็ว | เร็ว | นาน | เร็ว | เร็ว | ไม่มีผลยับยั้งไข่ตก | ไม่มีผลยับยั้งไข่ตก |
อัตราการตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี (%) | 80-95 | 80-90 | 73-83 | 70-78 | 77-86 | 79-96 | 71-91 | 91 |
จากตารางจะเห็นได้ว่าวิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวเกือบทั้งหมด เมื่อหยุดใช้แล้วก็จะกลับมามีไข่ตก และพร้อมตั้งครรภ์ได้แทบจะทันที ยกเว้นในกรณีที่ใช้ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (เป็นยาฉีดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพียงอย่างเดียว) เท่านั้นที่อาจจะใช้เวลานานหลายเดือน สาเหตุเป็นเพราะตัวยาที่ฉีดยังคงค้างอยู่ในกระแสเลือดนั่นเอง
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดต่างๆ กับระยะเวลาการตกไข่
- ผู้ที่ฉีดยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน หรือตัวยาเดโปเมดรอกซีโปรเจสเตอโรนอะซีเตต (Depot medroxyprogesterone acetate: DMPA) จะใช้เวลาเฉลี่ย 10 เดือนนับจากวันที่ฉีดยาคุมเข็มสุดท้ายจึงจะกลับมามีไข่ตกอีกครั้ง
- ผู้ที่ฉีดยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 2 เดือน หรือตัวยานอร์อิทิสเตอโรนอีแนนเธท (Norethisterone enanthate: NET-EN) จะใช้เวลาเฉลี่ย 6 เดือนนับจากวันที่ฉีดยาคุมเข็มสุดท้ายจึงจะกลับมามีไข่ตกอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนอาจมีไข่ตกได้เร็วหรือช้าแตกต่างกัน ดังนั้นหากยังไม่พร้อมมีบุตร เมื่อไม่ได้ฉีดยาคุมต่อตามนัดแล้วก็ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยเสมอ
ความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยและทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
1.หากรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้ตั้งครรภ์ยาก
มีหลายคนเข้าใจผิดว่า การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดน้อยลง จึงมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันเมื่อหยุดใช้ยาคุม หรือเมื่อลืมรับประทานติดต่อกันหลายวัน ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร ซึ่งเป็นความเข้าใจแบบผิดๆ
ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานแค่ไหน ก็ไม่มีการสะสมยา หรือยาตกตกค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้เมื่อหยุดใช้ยาแล้วร่างกายก็จะกลับมามีไข่ตกเป็นปกติ
2.เข้าใจผิดว่าหลังถอดยาฝังคุมกำเนิดแล้วจะไม่ตั้งครรภ์ง่ายๆ
มีหลายคนเข้าใจผิดว่า หลังถอดยาฝังคุมกำเนิดแล้วจะไม่ตั้งครรภ์ง่ายๆ เพราะเห็นว่าในช่วงที่ฝังยาคุมอยู่มักจะไม่มีประจำเดือนเหมือนกับผู้ที่ฉีดยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ทำให้คิดไปเองว่าจะต้องใช้เวลานานเช่นเดียวกันกว่าที่จะกลับมามีไข่ตกได้อีกครั้ง
แต่ความจริงก็คือ การฝังยาคุมกำเนิดจะเป็นการฝังหลอดบรรจุยาไว้ใต้ผิวหนังตื้นๆ ซึ่งฮอร์โมนในหลอดบรรจุจะค่อยๆ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่มียาตกค้างในร่างกาย เมื่อถอดยาฝังคุมกำเนิดออกแล้วจึงไม่มีฮอร์โมนไปยับยั้งไข่ตกนั่นเอง
ในขณะที่การฉีดยาคุมกำเนิดนั้นตัวยาที่ถูกฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ หรือใต้ผิวหนังจะค่อยๆ ละลายและดูดซึมอย่างช้าๆ โดยที่ไม่สามารถนำยาเหล่านั้นออกมาจากร่างกายได้เหมือนกับการถอดหลอดยาฝังคุมกำเนิด จึงต้องรอให้ปริมาณยาลดน้อยลงจนหมดฤทธิ์ไปเอง ทำให้วิธีคุมกำเนิดแบบยาฉีดคุมกำเนิดเป็นวิธีเดียวที่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วร่างกายกลับมาไข่ตกได้ช้านั่นเอง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
3.เข้าใจผิดว่าเมื่อหยุดฉีดยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแล้วจะไม่ตั้งครรภ์ง่ายๆ
มีหลายคนเข้าใจผิดว่า เมื่อหยุดฉีดยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแล้วจะไม่ตั้งครรภ์ง่ายๆ เพราะคิดว่าเป็นการคุมกำเนิดด้วยวิธีฉีดเหมือนกับยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ที่มักจะใช้เวลานานหลายเดือนกว่าที่จะมีไข่ตกตามปกติ
แต่ความจริงก็คือ แม้จะมีการฉีดยาเข้าไปในกล้ามเนื้อ และให้ยาค่อยๆ ละลาย และดูดซึมเข้ากระแสเลือดเหมือนกัน แต่ปริมาณยาและส่วนประกอบของตัวยาสำคัญนั้นแตกต่างกัน
โดยปกติแล้ว ผู้ใช้ยาฉีดคุมชนิดฮอร์โมนรวมหรือยาฉีดคุมกำเนิดทุก 1 เดือน จะไม่เกิดภาวะขาดประจำเดือน แต่จะมีประจำเดือนมาในสัปดาห์ที่ 4 ของการฉีด เช่นเดียวกับการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ทำให้เมื่อหยุดยาก็จะมีไข่ตก และพร้อมตั้งครรภ์ได้เร็วเหมือนยาคุมทั่วไปนั่นเอง
ดังนั้นสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร แต่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิดต่อตามกำหนดก็จะมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มาก เพราะอาจมีไข่ตกมาเมื่อไหร่ก็ได้ จึงควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ต่อให้ยาคุมที่เคยใช้จะเป็นยาฉีดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวก็ตาม
สำหรับผู้ที่วางแผนจะมีบุตรในเวลาอันใกล้ เช่น ไม่เกิน 1 ปี ควรหลีกเลี่ยงการคุมกำเนิดด้วยวิธีฉีดยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวเพราะอาจใช้เวลานานกว่าที่จะกลับมามีไข่ตกและตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง