ขอถามนะค่ะ คือกินยาคุมฉุกเฉินมาแล้ว 5 วัน พอวันที่ 6 คือมีอะไรกับแฟนอีกแต่ไม่ได้ป้องกัน (หลั่งใน) ต้องกินยาคุมอีกมั้ยค่ะ

สวัสดีค่ะ
ยาคุมกำเนิดทุกชนิดไม่มีผลคุมกำเนิดย้อนหลังค่ะ
หากไม่ได้คุมกำเนิดวิธีอื่นด้วย ครั้งนี้ควรจะทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 10-15%
ภายใน 72 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15-20% ค่ะ
แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ดห่างกันเม็ดละ 12 ชั่วโมง
การกินยาคุมฉุกเฉิน มีผลทำให้เลือดออกกระปิดกระปอยได้เล็กน้อยค่ะ
สามารถตรวจได้เองจากปัสสาวะหลังจากมรปการปฏิสนธิ 14 วันค่ะ ความผิดพลาดมีไม่เกิน 1%
ทั้งนี้การคุมกำเนิดโดยวิธีการทานยาคุมรายเดือน การใส่ห่วง การสวมถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด และการฝังยาคุมกำเนิด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ควรศึกษาถึงข้อดีข้อเสียและความสะดวกของตนเอง เพื่อการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกแผงโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

แต่ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมากเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ แม้จะรับประทานครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ถ้าผู้ถามประมาทโดยการนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้เพียงเพราะไม่อยากป้องกันด้วยถุงยาง ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า

ครั้งต่อไป แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยนะคะ เพราะถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ค่ะ

จริงๆควรเริ่มภายใน 5 วันของการมีประจำเดือนค่ะ
แต่ผ่านมาแล้วก็สามารถเริ่มได้ โดยต้องทานติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน จึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดค่ะ ระหว่างนี้ ใช้ถุงยางอนามัยร่วมไปก่อนนะคะ

การมีเพศสัมพันธ์ในระยะปลอดภัย หรือ "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 5 - 24% ค่ะ (โดยทั่วไปถือว่าแนวโน้มค่อนไปทางสูง คือ 24% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2%) ถ้าผู้ถามยอมรับความเสี่ยงนี้ได้ก็ไม่จำเป็นจะต้องป้องกันใด ๆ เพิ่มเติมค่ะ

แต่ถ้าผู้ถามยอมรับความเสี่ยงนี้ไม่ได้ ก็จะต้องคุมกำเนิดฉุกเฉินนะคะ ซึ่งมี 2 ทางเลือก ได้แก่...

1. รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพไม่สูงมาก ผู้ใช้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีก ก็จะต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง

2. ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ
..
..
ส่วนยาคุมรายเดือน ไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน จึงลดความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้ และยิ่งทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปมาก จึงยังไม่แนะนำให้ใช้นะคะ

ในกรณีนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ จึงต้องมั่นใจก่อนว่าไม่มีการตั้งครรภ์แน่นอนก่อนจะเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนค่ะ ดังนั้น แนะนำให้รอประจำเดือนรอบต่อไปมาก่อน แล้วเริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนนะคะ

การลดความเสี่ยงที่มี คือการ "ป้องกันฉุกเฉิน" ซึ่งทำได้ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ โดยมี 2 ทางเลือกตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งหากผู้ถามไม่ต้องการ นั่นคือยอมรับความเสี่ยง 24% ของการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" ได้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ

เมื่อมีประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์แล้วนะคะ

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามไม่มั่นใจว่าเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนจริงหรือไม่ เช่น มีเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความชัดเจนได้ค่ะ โดยแนะนำให้ตรวจด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

1. ประจำเดือนที่กล่าวมา มาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ และมาตรงตามรอบประจำเดือนปกติหรือไม่
2. เลือดออกมามากจนเปียกชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่ (ผ้าอนามัยนะคะ ไม่ใช่แผ่นอนามัยอย่างแคร์ฟรี) และต้องใช้วันละกี่แผ่น
3. เป็นสีน้ำตาลทุกวันหรือไม่ อย่างไร
4. มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่คะ
5. ก่อนจะมีประจำเดือนครั้งนี้ รับประทานยาหรือสมุนไพรใดบ้างหรือไม่ ถ้ามี รับประทานเมื่อไหร่คะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ

โดยทั่วไป ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ แต่ในกรณีที่มาน้อย ก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยอย่างน้อย 1 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 วันค่ะ

ส่วนสีของประจำเดือน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสีเดิมตลอดในทุก ๆ เดือนนะคะ แต่อาจจะมีสีแดงเข้ม แดงคล้ำ แดงสด แตกต่างกันไปได้ค่ะ

ซึ่งในกรณีของผู้ถาม ถือว่าประจำเดือนมาน้อย อาจทำให้เลือดมีเวลาสัมผัสกับอากาศในช่องคลอดหรือภายนอกร่างกายได้นานกว่าจะลงถึงผ้าอนามัย สีของเลือดจึงดูคล้ำเป็นโทนน้ำตาลแดงนั่นเองค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามรู้สึกกังวลใจ สามารถไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาว่ามีความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ เพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมตามจำเป็นนะคะ รวมถึงจะได้รับการรักษาปัญหาการตกขาวผิดปกติและอาการปวดประจำเดือนด้วยนั่นเองค่ะ

ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้เป็นยาคุมแบบ 28 เม็ด แนะนำให้รับประทานเม็ดที่เหลือต่อตามเดิมจนหมดแผง แล้วเริ่มแผงใหม่ในวันถัดมา ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มอีก และไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหายดีก่อนค่ะ

แต่ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้เป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด ถือว่าผิดปกติที่จะมีประจำเดือนมาก่อนที่จะรับประทานหมดแผงนะคะ แต่อาจพบเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ในการใช้ยาคุมแผงแรก ๆ หรือเมื่อรับประทานไม่ตรงเวลา ซึ่งสามารถใช้ยาคุมต่อได้ตามปกติ และเมื่อรับประทานยาคุมต่อให้ตรงเวลาเลือดกะปริบกะปรอยก็จะลดลงและหายไปเองค่ะ