ขณะทีเพศสัมพันธ์มีอาการเจ็บบริเวณอวัยวะค่ะ หลังมีเพศสัมพันธ์จะมาอาการคันตามมาบริเวณข้างๆอวัยวะค่ะ ที่อวัยวะเพศมีตุ่มกลายหูดด้วยค่ะ ที่บริเวณทางช่องคลอดค่ะ อยากทราบว่าน่าจะ เป็นหูดหงอนไก่มั้ยค่ะ

หากมีอาการคัน ปัสสาวะแสบขัด หรือตกขาวผิดปกติบริเวณข่องคลอด อาจเกิดได้จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทั้งจากเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เชื้อทริโคโมแนส และ เชื้อราแคนดิดาครับ
ส่วนตุ่มที่อวัยวะเพศ หากมีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อ อาจเกิดได้จากการติดเชื้อไวรัส HPV ที่ทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรอยโรค ร่วมกับตรวจภายใน เพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อครับ เพื่อรับการรักษาที่ตรงกับโรค

หูดหงอนไก่ (Genital wart) เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยสาเหตุเกิดจากเชื้อ HPV สามารถเป็นได้ในทุกวัยครับ จะพบมากในช่วงวัยเจริญพันธุ์ สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัส หรือการติดจากตอนคลอดผ่านช่องคลอดครับ

อาการของหูดหงอนไก่ มักจะขึ้นเป็นตุ่มลักษณะคล้ายดอกกระหล่ำ อาจมีเม็ดเดียวหรือจำนวนหลายเม็ด มักขึ้นตามอวัยวะเพศหรือทวารหนัก อาจมีแต่ตุ่มอย่างเดียว แต่ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ เลยก็ได้เช่นกัน บางคนอาจมีอาการคัน ตกขาวผิดปกติ แสบร้อนที่อวัยวะเพศ มีเลือดออกจากหูด บางคนรามไปท่อปัสสาวะหรือทวารหนัก หรือสามารถเกิดขึ้นที่หลอดลม คอหอยได้เช่นกัน ถ้าหูดมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้

ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อมามักเกิดจากการมีคู่นอนหลายคน ไม่สวมถุงยางอนามัย หรือการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีการติดเชื้ออยู่แล้วเป็นต้น

วิธ๊การรักษา ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการครับ หากมีจำนวนตุ่มเยอะ การรักษาอาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อย โดยแพทย์จะนัดมาทำการรักษาอยู่เรื่อยๆ วิธ๊การรักษามีอยู่หลายแบบครับ เช่น การแต้มยา การใช้เลเซอร์จี้ การจี้เย็น การจี้ด้วยไฟฟ้า การผ่าตัด เป็นต้นขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษา แต่วิธีที่นิยมมักจะเป็นการแต้มยาบริเวณหูด เช่น 5%Imiquimod หรือ Podorox และอื่นๆอีกเป็นต้น

หากปล่อยเอาไว้ไม่ทำการรักษา ในอนาคตเชื้อ HPV ตัวนี้ สามารถทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ครับ รวมถึงหูดหงอนไก่นี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกัน ดังนั้นหากจะมีเพศสัมพันธ์ในครั้งต่อๆไป ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ/แพร่เชื้อ รวมถึงแนะนำให้พาคู่นอนมารักษาด้วยนะครับ บางครั้งคู่นอนของเราอาจจะมีเชื้ออยู่ แต่ไม่ทันได้สังเกตเพราะยังไม่แสดงอาการออกมา หรือตุ่มยังเล็ก

ดังนั้นเพื่อความถูกต้องในการวินิจฉัยและการรักษา แนะนำให้ไปพบแพทย์ก่อนนะครับ