ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินเเบบ1เม็ดจะมีโอกาศตั้งครรภ์ได้อีกมั้ยคะ​ เเล้วถ้ากินยาคุมฉุกเฉินไปเเล้วประจำเดือนมาทุกเดือนจะเสี่ยงในการตั้งครรภ์มั้ยคะ

ยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่มีแผงละ 1 เม็ด หรือแผงละ 2 เม็ด ก็มีตัวยาเดียวกันและมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากันค่ะ ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจึงไม่แตกต่างกันนะคะ

ซึ่งประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติมากค่ะ นั่นคือ แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางอนามัยถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% จึงควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเฉพาะในกรณีที่ฉุกเฉินจริง ๆ เช่น ถุงยางฉีกขาด ไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีประจำเดือนมาแล้ว ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนะคะ และถ้าไม่มีเพศสัมพันธ์อีกเลย ก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์แล้วค่ะ

แต่ถ้าเลือดที่ออกมานั้นเป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน จะยังบอกไม่ได้ค่ะว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ต้องรอดูประจำเดือนที่ควรจะมาตามรอบปกตินะคะ

รับประทานได้ตามปกติค่ะ อาหารไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินแบบที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็มีปริมาณยาเท่ากับแบบที่มี 2 เม็ดรวมกันค่ะ

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือแบบที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็คือเหรียญ 2 บาท 1 เหรียญ ส่วนแบบที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็คือเหรียญ 1 บาท 2 เหรียญ จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็มีค่ารวมกันเป็น 2 บาทเท่ากัน

ดังนั้น เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินแบบที่มีแผงละ 1 เม็ดไปแล้ว ก็ถือว่าครบขนาดแล้วค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานเพิ่มอีก เพราะการรับประทานเพิ่ม ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสูงขึ้น แต่ทำให้ผลข้างเคียงจากยามากขึ้นโดยไม่จำเป็นค่ะ

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการป้องกันของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมากนะคะ แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ 15 - 25% แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันใด ๆ เลย ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 85% ดังนั้น จึงถือว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินช่วยลดความเสี่ยงลงมาได้บ้าง แม้จะไม่ดีเท่ากับการคุมกำเนิดด้วยวิธีปกติก็ตาม

ซึ่งหากผู้ถามรับความเสี่ยงดังกล่าวไม่ได้ และยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงค่ะ เพราะจะมีประสิทธิภาพสูงมาก นั่นคือ ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น
..
..
..
และไม่ว่าอย่างไร ต้องเข้าใจว่าไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ วิธีคุมกำเนิดต่าง ๆ ทำได้เพียงลดความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ให้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งจะลดได้มากหรือน้อยก็ขึ้นกับประสิทธิภาพของแต่ละวิธี ร่วมกับว่าผู้ใช้ ใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่

ดังนั้น ควรเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาป้องกัน และใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุด หรือหากผู้ถามรับความเสี่ยงไม่ได้เลย ก็ยังไม่ควรจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนถึงเวลาอันควรนะคะ

สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติค่ะ ไม่ได้มีข้อห้ามใด ๆ

สามารถรับประทานพาราเซตามอลและไดคล็อกซาซิลลินได้ตามจำเป็น ไม่มีปัญหาในการใช้ร่วมกันค่ะ

นอกจากพาราเซตามอลและไดคล็อกซาซิลลิน ผู้ถามมีการรับประทานยาหรือสมุนไพรใด ๆ อีกคะ

ต้องระบุชื่อยาหรือสมุนไพรที่ใช้ค่ะ จึงจะให้คำแนะนำได้ว่ามีผลกับประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินหรือไม่

อาจพบผลข้างเคียงภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ค่ะ และไม่ได้มีความสำคัญอะไร

ดังนั้น ต่อให้พบผลข้างเคียง หรือไม่พบผลข้างเคียงจากยา ก็ไม่สามารถจะสรุปได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่นะคะ ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีประจำเดือนมาหรือเปล่า

ซึ่งในกรณีที่ไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ และถ้ามีประจำเดือนมา ก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ