November 21, 2019 16:42
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หลั่งในก็ตาม เนื่องจากอสุจิอาจปนมากับน้ำหล่อลื่นได้ กรณีนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ไปแล้วแต่ยังไม่ถึง 120 ชั่วโมง หมอแนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินค่ะ โดนยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85%ค่ะ และสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เมื่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 14 วัน ตรวจในตอนเช้าจะได้ผลที่น่าเชื่อมากที่สุด
และถ้าต้องการจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งถัดไป ควรหาวิธีป้องกันค่ะ เช่น
-ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงสุดถึง 98%
-ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน สามารถป้องกันได้สูงสุดถึง 99.7%
เป็นต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
โดยทั่วไป จะถือว่าการหลั่งนอกมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ค่ะ ซึ่งถ้าเทียบกับการหลั่งในที่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ก็ถือว่าการหลั่งนอกมีความเสี่ยงน้อยกว่าการหลั่งในนะคะ
แต่ถ้าเทียบกับการใช้ถุงยางที่ถูกต้อง และไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ก็จะได้เห็นว่าการใส่ถุงยางมีความเสี่ยงน้อยกว่าการหลั่งนอก ดังนั้น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการหลั่งนอกนั่นเองค่ะ
ถ้าผู้ถามมีเพศสัมพันธ์โดยป้องกันด้วยวิธีหลั่งนอกไปแล้ว หากต้องการลดความเสี่ยงที่มีให้น้อยลง ก็สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงได้ค่ะ
แต่เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงนัก แม้จะใช้เร็วและครบขนาดก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ต่อไปจึงไม่ควรนำมาใช้แทนถุงยางอนามัย หรือใช้แทนวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานอื่น ๆ นะคะ
..
..
..
หรือถ้าผู้ถามยังไม่มีเพศสัมพันธ์ (แต่คุยกับแฟนไว้ก่อนว่าอาจมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง) ถ้าไม่มีโรคประจำตัวหรือข้อจำกัดใด ๆ ในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ก็สามารถรับประทานยาคุมรายเดือนเพื่อให้มีผลป้องกันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ
โดยถ้าเริ่มรับประทานแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน
หากใช้ไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว แต่ถ้าผู้ถามยังไม่มีเพศสัมพันธ์เลย ก็สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อน โดยจะต้องรับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ของยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ
ผู้ใช้ยาคุมรายเดือนจะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3% ถ้าใช้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
และควรใช้ต่อเนื่องไปจนหมดทั้งแผง ซึ่งหากไม่ต้องการผลป้องกันจากวิธีนี้อีก ก็ไม่ต้องต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการใช้ยาคุมกำเนิด ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ บวมน้ำ ฝ้า เจ็บคัดตึงเต้านม สิว หรือมีเลือดกะปริบกะปรอย ขึ้นกับชนิดของยาคุมที่ใช้ และขึ้นกับการตอบสนองของผู้ใช้แต่ละราย
ดังนั้น หากกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงดังกล่าว การให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการคุมกำเนิดชั่วคราวค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอรบกวนอีก1คำถามค่ะ ถ้าจะให้ยาคุมมีประสิทธิภาพมากขึ่น เราควรกินยาคุมก่อนมีเพศสัมพันธ์ประมาณกี่เดือนคะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออภัยที่ตอบช้าค่ะ
ประสิทธิภาพของยาคุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ล่วงหน้าหลายเดือน แต่ขึ้นอยู่กับการรับประทานที่ถูกต้องและเหมาะสมค่ะ
ดังนั้น ขอเพียงแค่ผู้ถามเริ่มใช้ให้ถูกต้องตามที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดขึ้นก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ ก็ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันของยาคุมรายเดือนนะคะ
ซึ่งหากผู้ถามต้องการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ และมีความเสี่ยงค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ก็ควรรับประทานยาคุมต่อเนื่องให้ตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อ่อค่ะ พอดีแฟนจะกลับมาไทยในช่วง 13-26 มกรา เราต้องกินยาคุมก่อนล่วงหน้า14วัน ใช่มั้ยคะ
แล้วถ้ากินยาคุมหมดในช่วงที่แฟนกลับต่างประเทศ เราจำเป็นต้องกินต่อมั้ยคะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในกรณีที่ไม่มีโรคประจำตัวหรือข้อจำกัดใด ๆ ในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด แนะนำเช่นนี้ค่ะ
หากผู้ถามคาดว่าจะมีประจำเดือนมาในช่วงต้นเดือนมกราคม หรือช่วงที่ใกล้เคียงก่อนวันที่จะมีเพศสัมพันธ์ ก็สามารถเริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนได้เลย และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ (แต่ควรรอให้ประจำเดือนหายดีก่อนจึงค่อยมีเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน)
หรือหากจะเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกนอกเหนือจากช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ควรต้องรับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ของยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยได้ นั่นคือ ให้เริ่มรับประทานยาคุมล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนมีเพศสัมพันธ์นั่นเองค่ะ
และเมื่อใช้ยาคุมรายเดือนหมดแผงแล้ว หากไม่ต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีเดิมต่อ เช่น คาดว่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์อีก หรือต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ๆ แทน ก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อยาคุมแผงใหม่แล้วค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แฟนขอสดด้วยแล้วหลังจากสดแปปหนึ่งแฟนก็จะใส่ถุง แต่ไม่แตกใน แต่เค้าให้เรากินยาคุมเราจะมีโอกาศเสี่ยงที่จะท้องมั้ยคะ เค้าบอกเค้ามีประสบการณ์ที่ไม่ท้องแน่นอน แล้วเราต้องทำยังไงคะมืดแปดด้านมาก ถึงขั้นจะเลิกเลยค่ะ เราอยู่ไกลกันคนละประเทศแล้วเค้าจะมาหาเรามกรา เราบอกให้ใส่ถุงเค้าก็จะไม่มาหาเรา คือเค้าจะขอสดอย่างเดียวเลยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)