February 10, 2017 12:46
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
โรคหอบหืดส่วนใหญ่มีสาเหตุจากภูมิแพ้ ฉะนั้นวิธีการดูแลรักษาน้องคือ
1.สังเกตุว่าอะไรก่อให้เกิดอาการ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านั้นเช่น หากแพ้ฝุ่นควัน ก็ควรหลีกเลี่ยงที่ที่มีฝุ่นควัน พยายามทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ บ้านหรือในห้องนอนควรมีแสงแดดส่องถึงไม่อับชื้น บางรายแพ้ขนสัตว์ ก้ไม่ควรเลี้ยงสัตว์นั้นในบ้าน หรือไม่ควรสัมผัสกับสัตว์นั้นเลย
2.การรักษาด้วยยา(ยาพ่น ยาทาน ยาฉีด) ให้ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไปตามนัดทุกครั้ง
3.คุณแม่ควรมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลน้องเมื่อมีอาการกำเริบ เช่น พ่นยา ทุก 15 นาที ให้น้องหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ ตัวคุณแม่ไม่ควรตื่นตระหนก และพยายามควบคุมให้น้องไม่ต้องตกใจหรือตื่นตระหนกไปด้วย คุณแม่ควรสังเกตุและประเมินความรุนแรงของโรคได้ซึ่งอาจขอคำแนะนำจากแพทย์หรือพยาบาลที่พาน้องไปรับการรักษาก็ได้ค่ะ
4. หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากปฐมพยาบาลแล้วควรนำส่งโรงพยาบาลค่ะ
** หอบหืดต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง เมื่อควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะสงบได้แล้วแพทย์อาจสั่งหยุดยาแต่ต้องไปตรวจติดตามอาการตามระยะเวลาที่แพทย์นัดเสมอ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สุเทพ สุขนพกิจ
การรักษาโรคหอบหืด มีขั้นตอนในการรักษา 3 ขั้นตอน คือ
1. การดูแลตนเองอย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยง หรือกำจัดสิ่งที่แพ้ หรือกระตุ้นทำให้เกิดอาการ เป็นการรักษาที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการรักษาและป้องกันที่สาเหตุ โดยพยายามดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์และแข็งแรงอยู่เสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกประเภท รวมทั้งผักและผลไม้ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพจิตให้สดชื่น แจ่มใส พยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้สัมผัสกับสิ่งที่กระตุ้นทำให้เกิดอาการ นอกจากนั้นควรกำจัดหรือลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ หรือสารกระตุ้นให้เกิดอาการที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เหลือน้อยที่สุด และควรหลีกเลี่ยง สารระคายเคืองต่างๆ หรือปัจจัยชักนำบางอย่าง ที่จะทำให้อาการของโรคมากขึ้น เช่น ฝุ่น, ควันบุหรี่, ควันจากท่อไอเสียรถยนต์, ควันธูป, กลิ่นฉุนหรือแรง, อากาศที่เย็นหรือร้อนเกินไป, การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของอากาศอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงการอดนอน, การดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ จะเห็นได้ว่าการรักษาโรคหอบหืดแท้ที่จริงแล้วเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดอาการนั่นเอง
2. การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยารับประทาน, ยาสูด หรือพ่นคอ เพื่อปรับความไวของหลอดลม หรือช่วยขยายหลอดลม ซึ่งมีความจำเป็นในระยะแรก แต่ยาเป็นเพียงการรักษาปลายเหตุ เมื่อสามารถดูแลตนเอง ออกกำลังกายและควบคุมสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ความจำเป็นในการใช้ยาก็จะน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติของจมูก เช่น มีการอักเสบของโพรงจมูก (เช่นเป็นหวัด) หรือไซนัส ควรให้การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการของโรคหอบหืดแย่ลงได้
3. การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ เป็นการฉีดสารก่อภูมิแพ้ ที่คิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหอบ เข้าไปในร่างกายทีละน้อย แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวน เพื่อให้สร้างภูมิต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ วิธีนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมาก ไม่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา หรือไม่สามารถทนผลข้างเคียงของยาได้ หรือผู้ที่มีโรคภูมิแพ้หลายชนิดร่วมด้วย เช่น มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ วิธีนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง ถ้าได้ผลดี อาจต้องฉีดต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี
แม้ว่าโรคหอบหืดอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ แต่ปัจุบัน สามารถรักษาให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้ สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนบุคคลปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ทั้งนี้การรักษามิได้ขึ้นอยู่กับการใช้ยาเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องของผู้ป่วยด้วย
ดังนั้นหากเราเป็นโรคนี้ จึงควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ อย่าขาดยา แต่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ลูกสาวเป็นหอบหืดจะรักษาอย่างไรค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)