รอบเดือนเดือนกันยายน 61 มาวันที่ 24-27 แต่เดือนตุลาคม 61 ไม่มาค่ะ หลังจากนั้นก้มีเลือดออกมาวันที่ 2 พฤศจิกายน 61 เป็นสีน้ำตาล ชมพูๆ ออกมาน้อยค่ะ แล้วก้วันที่ 3 พฤศจิกายน 61 แต่เป็นสีชมพูปนแดงนิดๆค่ะ มีบางวันปวดเกร็จที่มดลูกเหมือนตอน ปจด. จะมาอะค่ะ ตรวจเจอตอนเช้า 2 ขีดจางๆ แบบต้องเพ่งถึงจะเห็นอะค่ะ ตรวจวันที่ 14 พฤศจิกายน 61 แล้วก้เช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน 61 ไม่เจอค่ะ พักหลัง ๆมาจากช่วงวันที่2-3 พฤศจิกายน 61 อุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 36.2-36.8 องศาค่ะ หาข้อมูลมาเป็นอุณหภูมิของร่างกายปกติ แต่ที่ผ่านมาก่อน ปจด. ขาด ไม่ได้รุ้สคกตัวร้อนอุ่นๆแบบนี้เลยค่ะ มีแต่ช่วงหลังวันที่3 พย. ใจจริงอยากให้เป็น 2 ขีดเข้มนะคะ มีโอกาสบ้างมั้ยคะ ไม่มีเวลาไปตรวจเลือดเลยค่ะ

สวัสดีครับ
ผลตรวจการตั้งครรภ์ตามรูปที่แนบมานั้นขึ้นเพียง 1 ขีด จึงแปลผลได้ว่าตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ครับ ส่วนรอยจางๆที่กล่าวถึงไม่นับเป็น 1 ขีดครับ

ทั้งนี้ก็ต้องประเมินดูด้วยว่าได้ตรวจการตั้งครรภ์เมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจแล้วหรือไม่ ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องแล้วก็จะเป็นการบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์จริง แต่ถ้าหากยังตรวจได้ไม่ถูกต้องหมอก็แนะนำให้ลองตรวจใหม่ตามช่วงเวลาข้างต้นอีกครั้งครับ

และนอกจากนี้ถ้าหากมีประจำเดือนมาผิดปกติอยู่บ่อยๆก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- มีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- ความเครียด
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุด้วยเพราะอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากได้ครับ

ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม ผลตรวจการตั้งครรภ์ที่ขึ้น 1 ขีดตอนนี้ก็จะเป็นการยืนยันอย่างแน่นอนแล้วว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

ในกรณีนี้ถึงแม้จะตรวจเลือดหมอก็คิดว่าผลตรวจก็ไม่น่าแตกต่างกันครับ เพราะการตรวจหาการตั้งครรภ์ที่เวลากว่า 1 เดือนหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไม่ว่าจะใช้การตรวจด้วยเลือดหรือปัสสาวะผลตรวจที่ได้ก็จะมีความแม่นยำไม่แตกต่างกันครับ แต่ถ้าหากต้องการตรวจยืนยันจริงก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดได้โดยไม่มีปัญหาอะไรครับ

ทั้งนี้ถ้าหากได้พยายามปล่อยมีบุตรมาเกิน 1 ปีแล้วยังไม่สำเร็จก็จะต้องมีการประเมินดูด้วยว่ามีสาเหตุใดที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ทั้งสาเหตุจากทางฝ่ายชายและหญิง

สาเหตุจากทางฝ่ายชายนั้นมักเกิดจากการมีอสุจิที่ไม่มีคุณภาพหรือมีปริมาณที่ไม่เพียงพอ

ส่วนสาเหตุของฝ่ายหญิงนั้นก็อาจเกิดได้จากหลายอย่าง เช่น
- มีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ท่อนำไข่อุดตัน
- เนื้องอกมดลูก
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน

ซึ่งถ้าหากเป็นในกรณีนี้ก็สามารถไปพบแพทย์สูตินรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ครับ